พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เมษายน ๑๖โยชูวา ๒๑:๑-๔๕๑. ขณะนั้นหัวหน้าของตระกูลคนเลวีมาหา เอเลอาซาร์ปุโรหิตและโยชูวาบุตรนูน และหัวหน้าของตระกูลต่างๆของเผ่าคนอิสราเอล๒. และเขาได้กล่าวแก่ท่านเหล่านั้นในเมืองชิโลห์ ในแผ่นดินคานาอันว่า “พระเจ้าทรงบัญชาโดยทางโมเสสว่า ให้มอบหัวเมืองแก่เราทั้งหลายเพื่อจะได้อาศัยอยู่ ทั้งทุ่งหญ้าสำหรับฝูงสัตว์ของข้าพเจ้าทั้งหลาย”๓. ดังนั้นแหละตามพระบัญชาของพระเจ้า คนอิสราเอลจึงได้มอบเมืองและทุ่งหญ้า ต่อไปนี้จากมรดกของเขาให้แก่คนเลวี๔. ฉลากออกมาเป็นของตระกูลคนโคฮาท ดังนั้นแหละ คนเลวีซึ่งเป็นพงศ์พันธุ์ของอาโรนปุโรหิต ได้รับหัวเมืองโดยจับฉลากสิบสามหัวเมือง จากเผ่ายูดาห์ สิเมโอน และเบนยามิน๕. ส่วนคนโคฮาทที่เหลืออยู่ ได้รับหัวเมืองโดยจับฉลากสิบหัวเมือง จากตระกูลของเผ่าเอฟราอิม จากเผ่าดานและจากครึ่งเผ่ามนัสเสห์๖. คนเกอร์โชนได้รับหัวเมืองโดยจับฉลากสิบสามหัวเมือง จากตระกูลของเผ่าอิสสาคาร์ จากเผ่าอาเชอร์ จากเผ่านัฟทาลี และจากครึ่งเผ่ามนัสเสห์ในบาชาน๗. คนเมรารีตามตระกูลของเขา ได้รับหัวเมืองสิบสองหัวเมือง จากเผ่ารูเบน เผ่ากาด และเผ่าเศบูลุน๘. หัวเมืองและทุ่งหญ้าเหล่านี้คนอิสราเอล ได้จับฉลากให้แก่คนเลวี ดังที่พระเจ้าได้บัญชาโดยโมเสส๙. เขาให้หัวเมืองต่อไปนี้จากเผ่ายูดาห์ และเผ่าสิเมโอน ตามชื่อดังนี้๑๐. เมืองเหล่านี้ตกเป็นของพงศ์พันธุ์อาโรน คือตระกูลโคฮาทตระกูลหนึ่งซึ่งเป็นคนเลวี เพราะฉลากตกเป็นของเขาก่อน๑๑. เขาทั้งหลายให้เมืองคีริยาทอาราบาห์แก่เขา อาราบาห์เป็นบิดาของอานาค (คือเมืองเฮโบรน) อยู่ในแดนเทือกเขาของยูดาห์ รวมทั้งทุ่งหญ้ารอบเมืองนั้นด้วย๑๒. แต่ทุ่งนาและชนบทของ เมืองนี้ได้ยกให้แก่คาเลบบุตรเยฟุนเนห์เป็นกรรมสิทธิ์๑๓. เขาได้ให้เมืองเฮโบรนแก่พงศ์พันธุ์อาโรนปุโรหิต อันเป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ฆ่าคนพร้อมทั้งทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองลิบนาห์พร้อมทุ่งหญ้า๑๔. เมืองยาททีร์พร้อมทุ่งหญ้า เมืองเอชเทโมอาพร้อมทุ่งหญ้า๑๕. เมืองโฮโลนพร้อมทุ่งหญ้า เมืองเดบีร์พร้อมทุ่งหญ้า๑๖. เมืองอายินพร้อมทุ่งหญ้า เมืองยุทธาห์พร้อมทุ่งหญ้า เมืองเบธเชเมชพร้อมทุ่งหญ้า รวมเป็นเก้าหัวเมืองจากสองเผ่านี้๑๗. จากเผ่าเบนยามิน มีเมืองกิเบโอนพร้อมทุ่งหญ้า เมืองเกบาพร้อมทุ่งหญ้า๑๘. เมืองอานาโธทพร้อมทุ่งหญ้า เมืองอัลโมนพร้อมทุ่งหญ้า รวมสี่หัวเมือง๑๙. หัวเมืองที่เป็นของพงศ์พันธุ์อาโรน ปุโรหิต รวมกันสิบสามหัวเมือง พร้อมกับทุ่งหญ้ารอบทุกเมือง๒๐. ส่วนคนโคฮาทที่เหลืออยู่ซึ่งเป็นตระกูลคน โคฮาทของคนเลวีนั้น หัวเมืองที่เขาได้รับโดยฉลากมาจากเผ่าเอฟราอิม๒๑. เมืองที่เขาให้ คือเมืองเชเคม เป็นเมืองลี้ภัยของผู้ฆ่าคน พร้อมทุ่งหญ้าในแดนเทือกเขาของเอฟราอิม เมืองเกเซอร์พร้อมทุ่งหญ้า๒๒. เมืองขิบซาอิมพร้อมทุ่งหญ้า เมืองเบธโฮโรนพร้อมทุ่งหญ้า รวมเป็นสี่หัวเมือง๒๓. และจากเผ่าดานมีเมืองเอลเทเคพร้อมทุ่งหญ้า กิบเบโธนพร้อมทุ่งหญ้า๒๔. อัยยาโลนพร้อมทุ่งหญ้า กัทริมโมนพร้อมทุ่งหญ้า รวมสี่หัวเมือง๒๕. และจากคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่ามีเมืองทาอานาคพร้อมทุ่งหญ้า และกัทริมโมนพร้อมทุ่งหญ้า รวมเป็นสองหัวเมือง๒๖. หัวเมืองซึ่งเป็นของคนโคฮาทที่เหลืออยู่นั้น มีสิบหัวเมืองด้วยกัน พร้อมทุ่งหญ้าประจำเมือง๒๗. เขาให้เมืองจากคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่าแก่คนเกอร์โชน ตระกูลหนึ่งของคนเลวี คือเมืองโกลานในบาชานเป็นเมืองลี้ภัยของผู้ฆ่าคน และเมืองเบเอชเท-ราห์พร้อมทุ่งหญ้า รวมเป็นสองหัวเมือง๒๘. และจากเผ่าอิสสาคาร์มีเมืองคีชิโอนพร้อมทุ่งหญ้า ดาเบรัทพร้อมทุ่งหญ้า๒๙. เมืองยารมูทพร้อมทุ่งหญ้า เอนกันนิมพร้อมทุ่งหญ้า รวมสี่หัวเมือง๓๐. และจากเผ่าอาเชอร์มีเมืองมิชอาลพร้อมทุ่งหญ้า อับโดนพร้อมทุ่งหญ้า๓๑. เมืองเฮลขัทพร้อมทุ่งหญ้า เมืองเรโหบพร้อมทุ่งหญ้า รวมสี่หัวเมือง๓๒. และจากเผ่านัฟทาลีเมืองคาเดชในกาลิลีพร้อมทุ่งหญ้า เมืองลี้ภัยของผู้ฆ่าคน เมืองฮัมโมทโดร์พร้อมทุ่งหญ้า และเมืองคารทานพร้อมทุ่งหญ้า รวมสามหัวเมือง๓๓. หัวเมืองที่เป็นของคนเกอร์โชนหลายตระกูลนั้น รวมกันมีสิบสามหัวเมืองพร้อมทุ่งหญ้า๓๔. เขาให้หัวเมืองจากเผ่าเศบูลุนแก่ตระกูลคนเมรารี คือคนเลวีที่เหลืออยู่ มีเมืองโยกเนอัมพร้อมทุ่งหญ้า เมืองคารทาห์พร้อมทุ่งหญ้า๓๕. เมืองดิมนาห์พร้อมทุ่งหญ้า เมืองนาหะลาลพร้อมทุ่งหญ้า รวมสี่หัวเมือง๓๖. และจากเผ่ารูเบนมีเมืองเบเซอร์พร้อมทุ่งหญ้า เมืองยาฮาสพร้อมทุ่งหญ้า๓๗. เมืองเคเดโมทพร้อมทุ่งหญ้า เมืองเมฟาอัทพร้อมทุ่งหญ้า รวมสี่หัวเมือง๓๘. และจากเผ่ากาดมีเมืองราโมทในกิเลอาดพร้อมทุ่งหญ้า เป็นเมืองลี้ภัยของผู้ฆ่าคน เมืองมาหะนาอิมพร้อมทุ่งหญ้า๓๙. เมืองเฮชโบนพร้อมทุ่งหญ้า เมืองยาเซอร์พร้อมทุ่งหญ้า รวมทั้งหมดเป็นสี่หัวเมือง๔๐. เมืองซึ่งเป็นของคนเมรารีตามตระกูล ซึ่งเป็นตระกูลคนเลวีที่เหลืออยู่นั้น เมืองที่เป็นส่วนแบ่งของเขาทั้งหมดมีสิบสองหัวเมือง๔๑. หัวเมืองของคนเลวี ซึ่งอยู่ท่ามกลางกรรมสิทธิ์ของคนอิสราเอลนั้น รวมทั้งหมดมีสี่สิบแปดหัวเมืองพร้อมทุ่งหญ้าประจำเมือง๔๒. เมืองเหล่านี้แต่ละเมืองมีทุ่งหญ้าล้อมรอบ ทุกเมืองก็มีอย่างนี้๔๓. ดังนี้แหละพระเจ้าประทานแผ่นดินทั้งสิ้นแก่คนอิสราเอล ดังที่พระองค์ทรงปฏิญาณว่าจะให้แก่บรรพบุรุษของเขา เมื่อเขาทั้งหลายยึดแล้วก็เข้าไปตั้งบ้านเมืองอยู่ที่นั่น๔๔. และพระเจ้าประทานให้เขามีความสงบอยู่ ทุกด้านดังที่พระองค์ทรงปฏิญาณไว้กับบรรพบุรุษของเขา ไม่มีศัตรูสักคนเดียวยืนหยัดต่อสู้เขาได้ พระเจ้าทรงมอบศัตรูของเขาให้อยู่ในกำมือของเขาทั้งสิ้นแล้ว๔๕. สรรพสิ่งอันดีทุกอย่างซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาต่อประชาชน อิสราเอลนั้นก็ไม่ขาดสักสิ่งเดียวสำเร็จทั้งสิ้นโยชูวา ๒๒:๑-๓๔๑. คราวนั้นโยชูวาได้เรียกคนรูเบน คนกาด คนมนัสเสห์ครึ่งเผ่ามา๒. และกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลายได้ทำทุกอย่าง ซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าบัญชาท่านไว้ และได้ฟังเสียงของข้าพเจ้าในสารพัดซึ่ง ข้าพเจ้าได้บัญชาท่าน๓. นานวันแล้วจนบัดนี้ ท่านมิได้ทอดทิ้งญาติพี่น้องของท่าน แต่ได้ระมัดระวังที่จะกระทำตาม พระบัญชาของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน๔. บัดนี้พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ได้โปรดให้พี่น้องของท่านหยุดพักแล้ว ดังที่พระองค์ทรงสัญญาไว้กับเขา เหตุฉะนี้ท่านจงกลับบ้านของท่านเถิด ไปสู่แผ่นดินซึ่งท่านถือกรรมสิทธิ์ซึ่ง โมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้ายกให้ ท่านที่ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดนนั้น๕. แต่จงระวังให้มากที่จะปฏิบัติตามพระบัญญัติ และกฎหมายซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าบัญชาท่านไว้ คือที่จะรักพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน และดำเนินในพระมรรคาทั้งสิ้นของพระองค์ และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ และติดพันอยู่กับพระองค์ และปรนนิบัติพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน”๖. โยชูวาจึงได้อวยพรเขาและส่งเขากลับไป ยังบ้านของเขาทุกคน๗. ส่วนคนมนัสเสห์ครึ่ง เผ่านั้นโมเสสได้มอบให้เขาถือกรรมสิทธิ์ในเมืองบาชาน แต่อีกครึ่งเผ่านั้น โยชูวามอบให้เขามีกรรมสิทธิ์ข้างเคียงกับพี่น้องของ เขาที่ฟากแม่น้ำจอร์แดนด้านตะวันตก และเมื่อโยชูวาส่งเขากลับไปบ้านท่านได้อวยพรเขา๘. กล่าวแก่เขาว่า “จงกลับไปบ้านของท่านทั้งหลายพร้อมกับทรัพย์สมบัติมั่งคั่ง มีฝูงสัตว์มากมาย มีเงิน ทองคำ ทองสัมฤทธิ์และเหล็ก และเสื้อผ้าเป็นอันมาก จงแบ่งของที่ริบมาจากศัตรูของท่านให้แก่พี่น้องของท่าน”๙. คนรูเบน คนกาด และคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่าได้แยกจากคนอิสราเอลที่ชิโลห์ ซึ่งอยู่ในแผ่นดินคานาอัน กลับไปบ้านของตนซึ่งอยู่ในแผ่นดินกิเลอาด เป็นแผ่นดินของเขา ซึ่งเขาได้เข้าตั้งอยู่ตามพระบัญชาของพระเจ้าโดยโมเสส๑๐. และเมื่อเขาทั้งหลายมาถึงท้องถิ่นที่ใกล้แม่น้ำจอร์แดนที่อยู่ ในแผ่นดินคานาอัน คนรูเบน คนกาด และคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่า ได้สร้างแท่นบูชาแท่นหนึ่งที่ใกล้แม่น้ำจอร์แดน เป็นแท่นขนาดมหึมา๑๑. และคนอิสราเอลได้ยินคนพูดกัน “ดูเถิด คนรูเบน คนกาดและคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่า ได้สร้างแท่นบูชาที่พรมแดนแผ่นดิน คานาอันในท้องถิ่นใกล้แม่น้ำจอร์แดน ในด้านที่เป็นของคนอิสราเอล”๑๒. และเมื่อคนอิสราเอลได้ยินเช่นนั้น ชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดก็ไปรวมกันที่เมืองชิโลห์ เพื่อจะขึ้นไปทำสงครามกับเขา๑๓. แล้วคนอิสราเอลจึงใช้ฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ปุโรหิต ไปยังคนรูเบน คนกาด และคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่าในแผ่นดินกิเลอาด๑๔. พร้อมกับเจ้านายสิบคน คนหนึ่งจากแต่ละเผ่าในอิสราเอล ทุกคนเป็นหัวหน้าครอบครัวในตระกูลของอิสราเอล๑๕. เมื่อเขามาถึงคนรูเบน คนกาด และคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่าในแผ่นดินกิเลอาด เขาก็กล่าวแก่พวกเหล่านั้นว่า๑๖. “ชุมนุมชนทั้งสิ้นของพระเจ้ากล่าวดังนี้ว่า ‘ท่านทั้งหลายได้กระทำการทรยศอะไรเช่นนี้ต่อพระเจ้า ของอิสราเอลหนอ ซึ่งในวันนี้ท่านทั้งหลายได้หันกลับจากติดตามพระเจ้า โดยท่านได้สร้างแท่นบูชาสำหรับตัวเป็นการกบฏต่อพระเจ้า ในวันนี้๑๗. กรรมบาปซึ่งเราทำที่เมืองเปโอร์นั้นยังไม่พอเพียงหรือ ซึ่งจนกระทั่งวันนี้ เรายังชำระตัวของเราให้สะอาดไม่หมดเลย และซึ่งเป็นเหตุให้ภัยพิบัติเกิดแก่ชุมนุมชนของ พระเจ้า๑๘. ในวันนี้ท่านทั้งหลายจะหันไปเสียจากการติดตามพระเจ้าหรือ ถ้าท่านทั้งหลายกบฏต่อพระเจ้าในวันนี้ พระองค์จะทรงกริ้วต่อชุมนุมชนอิสราเอล ทั้งหมดในวันในพรุ่ง๑๙. แต่ถ้าแผ่นดินของท่านไม่สะอาดจงข้าม ไปในแผ่นดินของพระเจ้า ซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งพลับพลาของพระเจ้า และมาถือกรรมสิทธิ์อยู่ท่ามกลางพวกเราเถิด ขอแต่เพียงอย่ากบฏต่อพระเจ้าหรือกบฏต่อเรา โดยที่ท่านทั้งหลายสร้างแท่นบูชาสำหรับตัวนอกจาก แท่นบูชาแห่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราทั้งหลาย๒๐. อาคานบุตรเศราห์ได้ประพฤติอสัตย์ใน เรื่องของถวายนั้นไม่ใช่หรือ พระพิโรธก็ตกเหนือชุมนุมชนอิสราเอล เขามิได้พินาศแต่คนเดียวในเรื่องกรรมบาป ของเขา ’ ”๒๑. ขณะนั้นคนรูเบน คนกาด และคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่าได้ตอบผู้หัวหน้าของ ตระกูลอิสราเอลว่า๒๒. “องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ คือพระเจ้าพระเยโฮวาห์ องค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์คือพระเจ้าพระเยโฮวาห์ พระองค์ทรงทราบ และอิสราเอลจะทราบเสียด้วย ถ้าว่าเป็นการกบฏหรือประพฤติอสัตย์ต่อพระเจ้า ก็ขออย่าไว้ชีวิตพวกเราในวันนี้เลย๒๓. ที่ว่าเราได้สร้างแท่นบูชานั้นเพื่อหันจากติดตามพระเจ้า หรือพวกเราได้สร้างไว้เพื่อถวายเครื่องเผาบูชาหรือธัญญบูชา หรือถวายสัตว์เป็นศานติบูชาบนแท่นนั้น ขอพระเจ้าทรงลงโทษเถิด๒๔. เปล่าเลย แต่พวกเราได้สร้างไว้ด้วยเกรงว่าในเวลาต่อไป ภายหน้าลูกหลานของท่านอาจจะกล่าวต่อลูกหลานของเราว่า ‘เจ้ามีส่วนเกี่ยวพันอะไรกับพระเยโฮวาห์พระเจ้า ของอิสราเอล๒๕. เพราะว่าพระเจ้าทรงกำหนดแม่น้ำจอร์แดนเป็นพรมแดนระหว่าง เรากับเจ้าทั้งหลายนะ คนรูเบน และคนกาดเอ๋ย พวกเจ้าไม่มีส่วนในพระเจ้า’ ดังนั้นแหละลูกหลานของท่านอาจกระทำให้ลูกหลานของ เราทั้งหลายหยุดเกรงกลัวพระเจ้า๒๖. เพราะฉะนั้นเราจึงว่า ‘ให้เราสร้างแท่นบัดนี้ มิใช่สำหรับถวายเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องสัตวบูชาใดๆ๒๗. แต่เพื่อเป็นพยานระหว่างเรากับท่านทั้งหลาย และระหว่างคนชั่วอายุต่อจากเราว่า เราทั้งหลายจะกระทำการปรนนิบัติ พระเจ้าต่อพระพักตร์ของพระองค์ด้วย เครื่องเผาบูชาและเครื่องสัตวบูชา และเครื่องศานติบูชา ด้วยเกรงว่าลูกหลานของท่านจะ กล่าวแก่ลูกหลานของเราในเวลาต่อไปว่า “เจ้าไม่มีส่วนในพระเจ้า” ’๒๘. และเราคิดว่าถ้ามีใครพูดเช่นนี้กับเรา หรือกับชาติพันธุ์ของเราในเวลาข้างหน้า เราก็จะกล่าวว่า ‘ดูเถิด นั่นเป็นแท่นจำลองของแท่นแห่งพระเจ้า ปู่ย่าตายายของเรากระทำไว้มิใช่ เพื่อถวายเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องสัตวบูชา แต่เพื่อเป็นพยานระหว่างเรากับท่าน’๒๙. ขอให้เรื่องนี้ห่างจากเราเถิด คือที่จะกบฏต่อพระเจ้า และหันจากติดตามพระเจ้าเสียในวันนี้ โดยสร้างแท่นอื่นสำหรับเครื่องเผาบูชาธัญญบูชา เครื่องสัตวบูชา นอกจากแท่นพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราซึ่งตั้งอยู่ที่หน้า พลับพลาของพระองค์”๓๐. เมื่อฟีเนหัสปุโรหิตและเจ้านายของชุมนุมชน และหัวหน้าตระกูลของอิสราเอลที่อยู่ด้วย กันนั้นได้ยินถ้อยคำที่คนรูเบน คนกาด และคนมนัสเสห์กล่าว ก็รู้สึกเป็นที่พอใจมาก๓๑. ฟีเนหัสบุตรของเอเลอาซาร์ปุโรหิตจึงกล่าวแก่คนรูเบน คนกาด และคนมนัสเสห์ว่า “วันนี้เราทราบแล้วว่าพระเจ้าทรงสถิตท่ามกลางพวกเรา เพราะท่านทั้งหลายมิได้กระทำการทรยศต่อพระเจ้า ท่านได้ช่วยให้ชนอิสราเอลพ้นจากพระหัตถ์ของพระเจ้า”๓๒. แล้วฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ปุโรหิต และผู้หัวหน้าทั้งหลายก็กลับจากคนรูเบน และคนกาด จากแผ่นดินกิเลอาดไปยังแผ่นดินคานาอัน ไปหาคนอิสราเอลแจ้งข่าวให้เขาทราบ๓๓. รายงานนั้นเป็นที่พอใจคนอิสราเอลและคน อิสราเอลก็สรรเสริญพระเจ้า และไม่พูดถึงเรื่องที่จะกระทำสงครามกับเขา เพื่อทำลายแผ่นดินซึ่งคนรูเบน คนกาดได้อาศัยอยู่นั้นอีกเลย๓๔. คนรูเบนและคนกาดเรียกแท่นนั้นว่า แท่นพยาน เขากล่าวว่า แท่นนั้นเป็นพยานในระหว่างเราว่า พระเยโฮวาห์เป็นพระเจ้าสดุดี ๔๖:๗-๑๑๗. พระเจ้าจอมโยธาสถิตกับเราทั้งหลาย พระเจ้าของยาโคบทรงเป็นที่ลี้ภัยของเรา๘. มาเถิด มาดูพระราชกิจของพระเจ้า ว่าพระองค์ทรงกระทำให้เริศร้างในแผ่นดินโลกอย่างไร๙. พระองค์ทรงให้สงครามสงบถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก พระองค์ทรงหักคันธนูและฟันหอกเสีย พระองค์ทรงเผารถรบเสียด้วยไฟ๑๐. “จงนิ่งเสีย และรู้เถอะว่า เราคือพระเจ้า เราเป็นที่ยกย่องท่ามกลางประชาชาติ เราเป็นที่ยกย่องในแผ่นดินโลก”๑๑. พระเจ้าจอมโยธาทรงสถิตกับเราทั้งหลาย พระเจ้าของยาโคบทรงเป็นที่ลี้ภัยของพวกเราสุภาษิต ๑๔:๑๒-๑๓๑๒. มีทางหนึ่งซึ่งคนเราดูเหมือนถูก แต่มันสิ้นสุดลงที่ทางของความมรณา๑๓. แม้ใจของคนที่หัวเราะก็เศร้า และที่สุดของความชื่นบานคือความโศกสลดลูกา ๑๓:๑-๒๒๑. ขณะนั้น มีบางคนอยู่ที่นั่นเล่าเรื่องชาวกาลิลีซึ่งปีลาตเอาโลหิตของเขาระคนกับเครื่องบูชาของเขา ให้พระองค์ฟัง๒. พระเยซูจึงตรัสตอบเขาว่า “ท่านทั้งหลายคิดว่า ชาวกาลิลีเหล่านั้นเป็นคนบาป ยิ่งกว่าชาวกาลิลีอื่นๆทั้งปวง เพราะว่าเขาได้ถูกภัยอันตรายอย่างนั้นหรือ๓. เราบอกท่านทั้งหลายว่า มิใช่ แต่ถ้าท่านทั้งหลายมิได้กลับใจใหม่จะต้องพินาศเหมือนกัน๔. หรือสิบแปดคนนั้นซึ่งหอรบที่สิโลอัมได้พังทับเขาตายเสียนั้น ท่านทั้งหลายคิดว่าเขาเป็นคนบาปยิ่งกว่าคนทั้งปวง ที่อาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มหรือ๕. เราบอกท่านทั้งหลายว่า มิใช่ แต่ถ้าท่านทั้งหลายมิได้กลับใจใหม่ จะต้องพินาศเหมือนกัน”๖. พระองค์ตรัสคำอุปมาต่อไปนี้ว่า “คนหนึ่งมีต้นมะเดื่อต้นหนึ่งปลูกไว้ในสวนองุ่นของตน และเขามาหาผลที่ต้นนั้นก็ไม่พบ๗. เขาจึงว่าแก่คนที่รักษาเถาองุ่นว่า ‘นี่แน่ะ เรามาหาผลที่ต้นมะเดื่อนี้ได้สามปีแล้ว แต่ไม่พบ จงโค่นมันเสีย จะให้ดินจืดไปเปล่าๆทำไม’๘. แต่ผู้รักษาเถาองุ่นตอบเขาว่า ‘นายเจ้าข้า ขอเอาไว้ปีนี้อีก ให้ข้าพเจ้าพรวนดินเอาปุ๋ยใส่๙. แล้วถ้าปีหน้ามันเกิดผลก็ดีอยู่ ถ้าไม่เกิดผล ภายหลังท่านจงโค่นมันเสีย’ ”๑๐. พระองค์กำลังทรงสั่งสอนอยู่ที่ธรรมศาลาแห่งหนึ่งในวันสะบาโต๑๑. และมีหญิงคนหนึ่งซึ่งมีผีเข้าสิงทำให้เป็นโรคสิบแปดปีมาแล้ว หลังโกง ยืดตัวขึ้นไม่ได้เลย๑๒. เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นจึงเรียกและตรัสกับเขาว่า “หญิงเอ๋ย ตัวเจ้าหายพ้นจากโรคของเจ้าแล้ว”๑๓. พระองค์ทรงวางพระหัตถ์บนเขา และในทันใดนั้นเขาก็ยืดตัวตรงได้ และสรรเสริญพระเจ้า๑๔. แต่นายธรรมศาลาก็เคืองใจ เพราะพระเยซูได้ทรงรักษาโรคในวันสะบาโต จึงว่าแก่ประชาชนว่า “มีหกวันที่ควรจะทำงาน ในหกวันนั้นจงมาให้รักษาโรคเถิด แต่ในวันสะบาโตนั้นอย่าเลย”๑๕. แต่พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “โอ คนหน้าซื่อใจคด เจ้าทั้งหลายทุกคนได้แก้วัวแก้ลาจากคอกมัน พาไปให้กินน้ำในวันสะบาโตมิใช่หรือ๑๖. ฝ่ายผู้หญิงนี้เป็นเชื้อสายของอับราฮัม ซึ่งซาตานได้ผูกมัดไว้สิบแปดปีแล้ว ไม่ควรหรือที่จะให้เขาหลุดพ้นจากเครื่องจำจองอันนี้ในวันสะบาโต”๑๗. เมื่อพระองค์ตรัสคำเหล่านั้นแล้ว บรรดาคนที่เป็นปฏิปักษ์กับพระองค์ต้องขายหน้า และประชาชนก็เปรมปรีดิ์ เพราะสรรพคุณความดีที่พระองค์ได้ทรงกระทำ๑๘. พระองค์จึงตรัสว่า “แผ่นดินของพระเจ้าเหมือนสิ่งใด และเราจะเปรียบแผ่นดินนั้นกับอะไรดี๑๙. ก็เปรียบเหมือนเมล็ดพืช เมล็ดหนึ่งที่คนหนึ่งได้เอาไปปลูกในสวนของตน มันงอกขึ้นเป็นต้น และนกในอากาศมาทำรังอาศัยอยู่ตามกิ่งก้านของต้นนั้น”๒๐. พระองค์ตรัสอีกว่า “เราจะเปรียบแผ่นดินของพระเจ้ากับสิ่งใด๒๑. ก็เปรียบเหมือนเชื้อซึ่งผู้หญิงคนหนึ่งเอาเจือลงในแป้งสามถัง จนแป้งนั้นฟูขึ้นทั้งหมด”๒๒. พระองค์เสด็จไปตามบ้านตามเมืองสั่งสอนเขา และทรงดำเนินทางไปยังกรุงเยรูซาเล็ม Thai Bible (TH1971) เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971