พระคัมภีร์ในหนึ่งปี ตุลาคม ๓อิสยาห์ ๕๗:๑-๒๑๑. คนดีๆตาย แต่ก็ไม่มีใครสนใจ คนที่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้าถูกเอาไป ก็ไม่มีใครเข้าใจ สาเหตุที่คนที่ดีๆถูกรับเอาไป เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องเจอกับเรื่องเดือดร้อนกว่านั้น๒. และพวกเขาก็จะเข้าไปสู่ความสงบสุข คนที่ใช้ชีวิตอย่างเที่ยงตรงก็จะได้พักผ่อนเมื่อนอนตายบนเตียงของเขา๓. แต่ส่วนพวกเจ้า มานี่เลย พวกเจ้าที่เป็นลูกๆของแม่มด พวกเจ้าที่เป็นลูกๆของคนเล่นชู้และโสเภณี๔. พวกเจ้าหัวเราะเยาะใครหรือ พวกเจ้าทำหน้าและแลบลิ้นใส่ใครหรือ พวกเจ้าเป็นลูกที่ชอบกบฏ เป็นลูกหลานที่ชอบหลอกลวง ไม่ใช่หรือ๕. พวกเจ้าเผาผลาญไปด้วยตัณหาราคะท่ามกลางพวกต้นโอ๊กอันศักดิ์สิทธิ์ และใต้ต้นไม้ที่ให้ร่มเงาทุกต้น เจ้าได้ฆ่าลูกๆเพื่อเซ่นไหว้ในหุบเขาต่างๆตามซอกผาต่างๆ๖. หินเกลี้ยงในธารน้ำแห้งนั้นเป็นพวกพระของเจ้า พวกหินเหล่านั้นก็เลยเป็นส่วนแบ่งของเจ้า พวกมันเป็นมรดกของเจ้าไม่ใช่เรา เจ้าได้เทเครื่องดื่มบูชาให้กับหินเหล่านั้น และพวกเจ้าได้นำเครื่องบูชาจากเมล็ดพืชมาถวายให้กับพวกมัน เมื่อเห็นเรื่องต่างๆเหล่านี้ เจ้าคิดว่าเราจะพอใจและไม่ลงโทษเจ้าหรือ๗. เจ้าวางเตียงของเจ้าไว้บนภูเขาสูง แล้วเจ้าก็ขึ้นไปที่นั่นเพื่อถวายเครื่องบูชา๘. เจ้าตั้งรูปเคารพของเจ้าไว้ด้านหลังประตูและเสาประตู ใช่แล้ว เจ้าห่างไกลจากเรา เจ้าทำตัวเปลือยเปล่าและปีนขึ้นไปบนเตียงของเจ้า และเปิดเตียงให้กว้าง เจ้าก็ได้เสนอค่าตัวกับพวกมัน เจ้ารักเตียงของพวกมัน เจ้าจ้องมองอวัยวะเพศของพวกมัน๙. เจ้าเอาน้ำมันมะกอกเดินทางไปหาพระโมเลค และเจ้าก็ใส่น้ำหอมของเจ้าซะมากมาย เจ้าส่งพวกตัวแทนของเจ้าไปแดนไกล เจ้าส่งพวกเขาไปไกลถึงแดนคนตาย๑๐. เจ้าเริ่มเหนื่อยล้าจากการเดินทางบ่อยๆ แต่เจ้าไม่ยอมพูดว่า “แบบนี้คงจะไม่ได้อะไรแน่” เจ้ามีกำลังขึ้นมาใหม่ เจ้าจึงไม่เป็นลมไป๑๑. ตอนนั้นเจ้ายำเกรงและหวาดกลัวใครกัน เจ้าถึงได้โกหกและไม่ได้ระลึกถึงเราหรือคิดถึงเรา เรายังเก็บตัวเงียบๆและซ่อนตัวอยู่ เจ้าถึงได้ไม่ยำเกรงเรา ใช่ไหม๑๒. เราจะพูดถึงความดีและการงานต่างๆของเจ้าก็ได้ แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าได้หรอก๑๓. เมื่อเจ้าร้องขอความช่วยเหลือ ก็ให้รูปปั้นที่เจ้าได้สะสมนั้นช่วยเจ้าก็แล้วกัน ลมจะพัดพวกมันไปหมด ลมจะเป่าพวกมันไปหมด แต่คนที่ลี้ภัยในเราก็จะได้เป็นเจ้าของแผ่นดินนั้น และได้เป็นเจ้าของภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา๑๔. พระองค์จะพูดว่า “สร้างมันขึ้นมา สร้างมันขึ้นมา เตรียมทางไว้ กำจัดสิ่งกีดขวางต่างๆออกไปจากทางของคนของเรา”๑๕. พระเจ้า ผู้อยู่ในที่สูงและได้รับการยกย่อง ผู้ที่อยู่ตลอดกาล และผู้ที่มีชื่ออันศักดิ์สิทธิ์ พูดว่า “เราอาศัยอยู่ในที่สูงและศักดิ์สิทธิ์ แต่เราก็อยู่กับคนเหล่านั้นที่สำนึกผิดและถ่อมตัวลง เราจะฟื้นฟูจิตใจของคนที่ถ่อมตัวลงและฟื้นฟูจิตใจของคนที่สำนึกผิด๑๖. เพราะเราจะไม่กล่าวหาตลอดเวลา และเราก็จะไม่โกรธไปตลอดกาล เพราะถ้าอย่างนั้นจิตวิญญาณของมนุษย์ที่เราสร้างขึ้นมา ก็จะตายต่อหน้าเรา๑๗. เราโกรธในเรื่องความโลภอันชั่วร้ายของพวกเขา เราจึงลงโทษพวกเขา เราได้ซ่อนตัวเราเองและโกรธ แต่พวกเขาก็ยังหันเหไปตามทางทั้งหลายของพวกเขา๑๘. เราได้เห็นทางของพวกเขาแล้ว แต่เราจะรักษาพวกเขาไว้ เราจะนำทางพวกเขาและปลอบโยนพวกเขาคือคนเหล่านั้นที่ไว้ทุกข์ และเราจะให้ปากพวกเขากลับพูดคำสรรเสริญแทน”๑๙. พระยาห์เวห์พูดว่า “เราจะให้สันติสุข สันติสุขแท้จริงกับทุกคน ทั้งคนที่อยู่ใกล้และคนที่อยู่ไกล แล้วเราจะรักษาพวกเขาไว้๒๐. แต่คนชั่วเป็นเหมือนทะเลที่ปั่นป่วนไม่สามารถสงบนิ่งได้ คลื่นของมันกวนทั้งโคลนและดินขึ้นมา๒๑. คนชั่วจะไม่มีสันติสุข” พระเจ้าของผมพูดไว้ว่าอย่างนั้นอิสยาห์ ๕๘:๑-๑๔๑. พระยาห์เวห์พูดว่า ตะโกนออกมาดังๆเลย ไม่ต้องอั้นไว้ ยกเสียงขึ้นมาเหมือนกับเสียงแตร ประกาศกับคนของเราถึงการกบฏของพวกเขา ประกาศให้กับครอบครัวของยาโคบถึงความบาปของพวกเขา๒. พวกเขามาแสวงหาเราวันแล้ววันเล่า อย่างกับว่าพวกเขาอยากจะรู้ทางต่างๆของเรา อย่างกับว่าเป็นชนชาติที่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง อย่างกับว่าไม่ได้ทอดทิ้งกฎอันยุติธรรมของพระเจ้าของพวกเขา พวกเขาขอการตัดสินที่ยุติธรรมจากเรา พวกเขาแกล้งทำเป็นอยากเข้าใกล้พระเจ้า๓. และพวกเขาพูดว่า “ทำไมพระองค์ถึงไม่เห็นตอนที่พวกเราอดอาหารกัน ทำไมพระองค์ถึงไม่สังเกตว่าพวกเราถ่อมตัวลง” แต่เราตอบว่า “ดูเอาสิ ในวันที่เจ้าอดอาหารนั้น เจ้าก็ยังมัวหาผลประโยชน์ของตนและเอาเปรียบคนงานทุกคนของเจ้า๔. ดูสิ พวกเจ้าถือศีลอดอาหารก็จริง แต่มีการถกเถียง ทะเลาะและชกต่อยกันแถมไปด้วย การอดอาหารอย่างที่พวกเจ้าทำในวันนี้จะไม่ทำให้คำอธิษฐานของเจ้าขึ้นไปถึงเบื้องบน๕. นี่หรือการถือศีลอดอาหารที่เราอยากได้ เป็นวันที่แค่ถ่อมตัวลงพอเป็นพิธีอย่างนี้หรือ เป็นแค่ก้มหัวลงเหมือนกับต้นอ้อลู่ลมหรือ เป็นแค่นอนลงบนผ้ากระสอบและขี้เถ้าหรือ พวกเจ้าจะเรียกแบบนี้ว่าเป็นการถือศีลอดอาหารหรือ วันแบบนี้จะเป็นที่ยอมรับของพระยาห์เวห์จริงๆหรือ๖. การอดอาหารที่เราอยากได้เป็นอย่างนี้ไม่ใช่หรือ คือให้ปลดปล่อยโซ่ตรวนของความไม่ยุติธรรม ให้แก้เชือกแอกของการกดขี่ข่มเหงออก และปล่อยให้คนที่ถูกกดขี่ขมเหงเป็นอิสระ ให้หักแอกทุกอัน๗. แล้วให้แบ่งปันอาหารของเจ้ากับคนที่หิวโหย ไม่ใช่หรือ ให้เอาคนยากจนที่ไม่มีบ้านอยู่เข้ามาอยู่ในบ้านของเจ้า เมื่อเจ้าเห็นคนที่เปลือยเปล่าก็ให้คลุมตัวพวกเขา และไม่ซ่อนตัวจากญาติๆที่เดือดร้อนของเจ้า๘. ถ้าเจ้าทำอย่างนี้แสงของเจ้าก็จะส่องสว่างเหมือนรุ่งอรุณ บาดแผลต่างๆของเจ้าจะหายอย่างรวดเร็ว พระองค์ผู้ให้ชัยชนะกับพวกเจ้าจะนำหน้าพวกเจ้าไป และสง่าราศีของพระยาห์เวห์ก็จะเป็นทหารเฝ้าระวังหลังให้กับเจ้า๙. แล้วเจ้าก็จะเรียกขอความช่วยเหลือและพระยาห์เวห์ก็จะตอบ เจ้าจะร้องขอ และพระองค์จะพูดว่า ‘เราอยู่นี่’ ถ้าเจ้าขจัดแอกของการกดขี่ไปจากสังคมของเจ้า หยุดชี้หน้ากัน และหยุดพูดใส่ร้ายป้ายสีกัน๑๐. ถ้าเจ้าให้อาหารของเจ้ากับคนหิวโหย และช่วยคนที่ถูกข่มเหงจนไม่ขาดอะไรเลย เมื่อนั้นแสงสว่างของเจ้าก็จะส่องขึ้นมาในความมืด และความมืดสลัวของเจ้าก็จะกลายเป็นเที่ยงวัน๑๑. พระยาห์เวห์จะนำทางเจ้าอยู่เสมอ และพระองค์จะดูแลความต้องการของเจ้าแม้ในแผ่นดินที่แห้งแล้ง และพระองค์จะเสริมกำลังกระดูกของเจ้า เจ้าก็จะเป็นเหมือนสวนที่ได้รับน้ำ เหมือนกับตาน้ำที่น้ำไม่เคยแห้ง๑๒. เจ้าก็จะสร้างเมืองที่ถูกทำลายไปในสมัยโบราณขึ้นใหม่ เจ้าจะก่อเมืองขึ้นมาบนพวกรากฐานอันเก่าแก่ของคนรุ่นก่อนๆ และจะมีคนเรียกเจ้าว่า ผู้ซ่อมช่องโหว่ของกำแพง และผู้ซ่อมถนนให้คนได้มาอยู่อาศัยอีก๑๓. ถ้าเจ้าไม่เดินทางไกลในวันหยุดทางศาสนา และไม่ทำงานในวันอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา และถ้าเจ้าเรียกวันหยุดของเราว่าเป็นวันอันชื่นบานและเรียกวันอันศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์ว่าเป็นวันอันมีเกียรติ และถ้าเจ้าให้เกียรติวันนั้น โดยไม่เดินทางไปทำการค้าขาย โดยไม่วิ่งไล่ตามผลประโยชน์ของตนและโดยไม่เจรจาตกลงเรื่องธุรกิจกัน๑๔. เมื่อนั้นเจ้าจะชื่นชมยินดีในพระยาห์เวห์ และเราจะทำให้เจ้าขี่ข้ามภูเขาสูงทั้งปวงในโลกนี้ และเราจะเลี้ยงเจ้าจากแผ่นดินที่เราได้ยกให้กับยาโคบบรรพบุรุษของเจ้า” ปากของพระยาห์เวห์ได้พูดว่าอย่างนั้นสดุดี ๑๑๔:๑-๘๑. เมื่อคนอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เมื่อครอบครัวของยาโคบออกมาจากดินแดนต่างชาตินั้น๒. ยูดาห์ก็กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และอิสราเอลก็กลายเป็นอาณาจักรของพระองค์๓. ทะเลเห็นพวกเขา และวิ่งหนีไป ส่วนแม่น้ำจอร์แดนก็หันกลับไป๔. ส่วนพวกภูเขาก็โลดเต้น ราวกับพวกแกะตัวผู้ พวกเนินเขาก็กระโดดโลดเต้น ราวกับพวกลูกแกะ๕. ทะเลเอ๋ย เกิดอะไรขึ้น เจ้าถึงต้องวิ่งหนีไป แม่น้ำจอร์แดนเอ๋ย เกิดอะไรขึ้น เจ้าถึงต้องหันกลับไป๖. พวกภูเขาเอ๋ย ทำไมพวกเจ้าถึงโลดเต้น ราวกับพวกแกะตัวผู้ พวกเนินเขาเอ๋ย ทำไมพวกเจ้าถึงโลดเต้น ราวกับพวกลูกแกะ๗. แผ่นดินโลกเอ๋ย ให้สั่นคลอนอยู่ต่อหน้าองค์เจ้าชีวิต ต่อหน้าพระเจ้าของยาโคบ๘. พระองค์คือผู้ที่เปลี่ยนหินให้กลายเป็นสระน้ำ พระองค์เปลี่ยนหินผาให้กลายเป็นตาน้ำสุภาษิต ๒๖:๒๒-๒๒๒๒. คำซุบซิบนินทา เป็นเหมือนอาหารอร่อย ที่ตกลงไปในท้องของผู้ฟังเอเฟซัส ๕:๑-๑๖๑. ในฐานะที่เป็นลูกที่รักของพระเจ้า ก็ให้เลียนแบบพระองค์๒. ให้ใช้ชีวิตด้วยความรัก เหมือนกับที่พระคริสต์รักเราด้วย พระองค์ได้สละชีวิตเพื่อเรา เป็นเหมือนเครื่องถวาย และเครื่องบูชาที่หอมหวานให้กับพระเจ้า๓. เรื่องความผิดบาปทางเพศ เรื่องลามกทุกอย่าง หรือความมักมากในกาม แม้แต่จะพูดถึงก็อย่าเลย เพราะมันไม่เหมาะกับคนที่เป็นของพระเจ้า๔. รวมทั้งการพูดจาหยาบคายไร้สาระไม่เป็นเรื่อง หรือพูดตลกลามก ก็ไม่เหมาะสมทั้งนั้น แต่ควรจะพูดขอบคุณพระเจ้าดีกว่า๕. ให้พวกคุณรู้เอาไว้เลยว่าทุกคนที่ทำผิดบาปทางเพศ ไม่บริสุทธิ์ หรือมักมากในกาม ซึ่งเป็นการบูชารูปเคารพ จะไม่มีส่วนในอาณาจักรของพระคริสต์และของพระเจ้า๖. อย่าให้ใครมาหลอกลวงพวกคุณด้วยคำพูดที่เหลวไหล เพราะเรื่องอย่างนี้แหละที่ทำให้พระเจ้าลงโทษคนพวกนั้นที่ไม่เชื่อฟัง๗. เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็อย่าไปมีส่วนร่วมกับคนพวกนั้นเลย๘. เมื่อก่อนนี้พวกคุณเคยเป็นความมืด แต่เดี๋ยวนี้เป็นความสว่างแล้ว เพราะมีส่วนในองค์เจ้าชีวิต อย่างนั้นก็ให้ใช้ชีวิตให้สมกับที่เป็นลูกของความสว่างนั้น๙. (เพราะผลของความสว่างคือความดีทุกอย่าง ชีวิตที่พระเจ้าชอบใจ และการพูดความจริง)๑๐. ให้พยายามค้นหาว่าองค์เจ้าชีวิตชอบใจอะไรบ้าง๑๑. อย่ามีส่วนกับการกระทำต่างๆของความมืดที่ไร้ประโยชน์นั้น แต่ให้ชีวิตบริสุทธิ์ของพวกคุณเปิดโปงเรื่องพวกนั้นออกมาดีกว่า๑๒. เพราะแม้แต่จะพูดถึงเรื่องลับๆที่พวกเขาทำกัน ก็ยังน่าละอายเลย๑๓. แต่ความสว่างนั้นทำให้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจน๑๔. เพราะความสว่างจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันส่องนั้นกลายเป็นความสว่างไปด้วย นั่นเป็นเหตุที่มีคำพูดว่า “ตื่นได้แล้ว เจ้าที่หลับอยู่ ลุกขึ้นมาจากความตายสิ แล้วพระคริสต์จะส่องสว่างใส่เจ้า”๑๕. ถ้าอย่างนั้น ระวังให้ดีว่าพวกคุณใช้ชีวิตอย่างไร อย่าเป็นเหมือนคนโง่ แต่ให้เป็นเหมือนคนฉลาด๑๖. ให้ฉวยโอกาสที่จะทำดี เพราะทุกวันนี้มีแต่ความชั่วร้าย Thai Bible (ERV) 2001 Copyright © 2001 by Bible League International