พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เมษายน ๑๖โยชูวา ๒๑:๑-๔๕๑. จากนั้นหัวหน้าตระกูลต่างๆในเผ่าเลวี ได้มาพบนักบวชเอเลอาซาร์ โยชูวาลูกของนูนและหัวหน้าของตระกูลต่างๆของแต่ละเผ่าของอิสราเอล๒. คนเผ่าเลวีได้พูดกับคนเหล่านั้นที่เมืองชิโลห์ในแผ่นดินคานาอันว่า “พระยาห์เวห์ได้สั่งผ่านโมเสสไว้ว่า พวกเราจะได้รับเมืองหลายเมืองเพื่ออยู่อาศัยพร้อมๆกับทุ่งหญ้าสำหรับสัตว์เลี้ยงของพวกเราด้วย”๓. เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่งของพระยาห์เวห์ ชาวอิสราเอลจึงได้ยกเมืองต่างๆเหล่านี้และทุ่งหญ้าของเมืองเหล่านั้น จากมรดกของพวกเขาให้กับชาวเลวี คือ๔. เมื่อสลากออกมา เพื่อชี้ว่าใครควรจะได้รับเมืองไหน สลากอันแรกเป็นของตระกูลต่างๆของโคฮาท ดังนั้น ชาวเลวีในตระกูลต่างๆของโคฮาทซึ่งเป็นลูกหลานของนักบวชอาโรนได้รับเมืองสิบสามเมืองจากชนเผ่ายูดาห์ สิเมโอน และเบนยามิน ตามสลากที่จับได้๕. ส่วนคนโคฮาทที่เหลือ จับสลากได้เมืองสิบเมืองจากตระกูลต่างๆของเผ่าเอฟราอิม จากเผ่าดานและจากครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์๖. คนเกอร์โชนได้รับเมืองสิบสามเมือง จากตระกูลต่างๆของเผ่าอิสสาคาร์ จากเผ่าอาเชอร์ จากเผ่านัฟทาลี และจากครึ่งหนึ่งของเผ่ามนัสเสห์ในบาชาน๗. พวกตระกูลต่างๆของคนเมรารี ได้รับเมืองสิบสองเมืองจากเผ่ารูเบน จากเผ่ากาด และจากเผ่าเศบูลุน๘. ชาวอิสราเอลได้จับสลาก ให้เมืองต่างๆเหล่านี้และทุ่งหญ้าของเมืองเหล่านี้ กับชาวเลวีตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งไว้ผ่านทางโมเสส๙. นี่คือรายชื่อของเมืองต่างๆจากเผ่ายูดาห์ และเผ่าสิเมโอน๑๐. ที่ได้ยกให้กับพวกลูกหลานของอาโรน คือตระกูลหนึ่งของชาวโคฮาท ซึ่งเป็นชาวเลวี เพราะว่าสลากใบแรกตกเป็นของตระกูลนี้๑๑. ชาวอิสราเอลให้เมืองคิริยาทอารบา (อารบา เป็นพ่อของอานาค) คือเมืองเฮโบรน ในแถบเนินเขาของยูดาห์พร้อมกับทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์รอบๆเมืองนั้น๑๒. แต่ทุ่งนาและชนบทของเมืองนั้นได้ยกให้เป็นมรดกของคาเลบลูกชายของเยฟุนเนห์๑๓. สำหรับลูกหลานของนักบวชอาโรน พวกเขาได้ให้เมืองเฮโบรน (ซึ่งเป็นเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ที่ได้รับการกล่าวหาว่าฆ่าคนตาย) พร้อมกับทุ่งหญ้ารอบเมืองนั้น และเมืองลิบนาห์พร้อมทุ่งหญ้า๑๔. เมืองยาททีร์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองเอชเทโมอากับทุ่งหญ้ารอบเมือง๑๕. เมืองโฮโลนกับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองเดบีร์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง๑๖. เมืองอายินกับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองยุทธาห์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง และเมืองเบธเชเมชกับทุ่งหญ้ารอบเมือง รวมเป็นเก้าเมืองจากเผ่าสองเผ่านี้๑๗. ชนเผ่าเบนยามินได้ให้เมืองกิเบโอนกับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองเกบากับทุ่งหญ้ารอบเมือง๑๘. เมืองอานาโธทกับทุ่งหญ้ารอบเมือง และเมืองอัลโมนกับทุ่งหญ้ารอบเมือง รวมเป็นสี่เมือง๑๙. รวมเมืองทั้งหมดที่เป็นของพวกนักบวชที่เป็นลูกหลานของอาโรน มีสิบสามเมืองกับทุ่งหญ้ารอบเมืองเหล่านั้น๒๐. ส่วนชาวโคฮาทที่เหลือของพวกตระกูลโคฮาทในเผ่าเลวี ได้เมืองต่างๆจากเผ่าเอฟราอิม โดยการจับสลาก๒๑. พวกเขาได้รับเมืองเชเคม (เป็นเมืองหนึ่งในเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ที่ได้รับการกล่าวหาว่าฆ่าคนตาย) กับทุ่งหญ้ารอบเมืองในแถบเนินเขาเอฟราอิม และเมืองเกเซอร์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง๒๒. เมืองขิบซาอิมกับทุ่งหญ้ารอบเมือง และเมืองเบธโฮโรนกับทุ่งหญ้ารอบเมือง รวมเป็นสี่เมือง๒๓. ชาวโคฮาทได้รับเมืองต่อไปนี้จากเผ่าดาน คือ เมืองเอลเทเคห์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองกิบเบโธนกับทุ่งหญ้ารอบเมือง๒๔. เมืองอัยยาโลนกับทุ่งหญ้ารอบเมือง และเมืองกัทริมโมนกับทุ่งหญ้ารอบเมือง รวมเป็นสี่เมือง๒๕. ชาวโคฮาทได้รับเมืองต่อไปนี้จากเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า คือ เมืองทาอานาคกับทุ่งหญ้ารอบเมือง และเมืองกัทริมโมนกับทุ่งหญ้ารอบเมืองรวมเป็นสองเมือง๒๖. เมืองทั้งหมดรวมเป็นสิบเมือง กับทุ่งหญ้ารอบเมืองเหล่านั้น ซึ่งมอบให้กับตระกูลอื่นๆที่เหลือของโคฮาท๒๗. ในพวกตระกูลต่างๆของชาวเลวี คนเกอร์โชนได้รับเมืองต่อไปนี้ คือ คนเกอร์โชนได้รับเมืองต่อไปนี้จากเผ่ามนัสเสห์ครึ่งเผ่า คือเมืองโกลานในบาชาน (เป็นเมืองลี้ภัยเมืองหนึ่งสำหรับผู้ที่ได้รับการกล่าวหาว่าฆ่าคนตาย) และเมืองเบเอชเท-ราห์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง รวมเป็นสองเมือง๒๘. คนเกอร์โชนได้รับเมืองต่อไปนี้จากเผ่าอิสสาคาร์ เมืองคีชิโอนกับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองดาเบรัทกับทุ่งหญ้ารอบเมือง๒๙. เมืองยารมูทกับทุ่งหญ้ารอบเมือง และเมืองเอนกันนิมกับทุ่งหญ้ารอบเมืองรวมเป็นสี่เมือง๓๐. คนเกอร์โชนได้รับเมืองต่อไปนี้จากเผ่าอาเชอร์ คือ เมืองมิชอาลกับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองอับโดนกับทุ่งหญ้ารอบเมือง๓๑. เมืองเฮลขัทกับทุ่งหญ้ารอบเมือง และเมืองเรโหบกับทุ่งหญ้ารอบเมือง รวมเป็นสี่เมือง๓๒. คนเกอร์โชนได้รับเมืองต่อไปนี้จากเผ่านัฟทาลี เมืองเคเดชในกาลิลีกับทุ่งหญ้ารอบเมือง (หนึ่งในเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าคนตาย) เมืองฮัมโมทโดร์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง และเมืองคารทานกับทุ่งหญ้ารอบเมือง รวมเป็นสามเมือง๓๓. พวกตระกูลเกอร์โชนได้รับสิบสามเมืองกับทุ่งหญ้ารอบเมือง๓๔. พวกตระกูลเมรารี (คนเผ่าเลวีที่เหลือ) ได้เมืองต่อไปนี้ คือ พวกตระกูลเมรารีได้รับเมืองต่อไปนี้จากเผ่าเศบูลุน คือ เมืองโยกเนอัมกับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองคารทาห์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง๓๕. เมืองดิมนาห์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง และเมืองนาหะลาลกับทุ่งหญ้ารอบเมือง รวมเป็นสี่เมือง๓๖. พวกตระกูลเมรารีได้รับเมืองต่อไปนี้จากเผ่ารูเบน คือ เมืองเบเซอร์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองยาฮาสกับทุ่งหญ้ารอบเมือง๓๗. เมืองเคเดโมทกับทุ่งหญ้ารอบเมือง และเมืองเมฟาอัทกับทุ่งหญ้ารอบเมือง รวมเป็นสี่เมือง๓๘. พวกตระกูลเมรารีได้รับเมืองต่อไปนี้จากเผ่ากาด คือ เมืองราโมทในกิเลอาด (หนึ่งในเมืองลี้ภัยสำหรับผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าคนตาย) กับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองมาหะนาอิมกับทุ่งหญ้ารอบเมือง๓๙. เมืองเฮชโบนกับทุ่งหญ้ารอบเมือง เมืองยาเซอร์กับทุ่งหญ้ารอบเมือง รวมเป็นสี่เมือง๔๐. เมืองทั้งสิบสองเมืองนี้ได้มอบให้กับตระกูลต่างๆของคนเมรารีโดยการจับสลาก พวกนี้เป็นพวกตระกูลต่างๆของคนเผ่าเลวีที่เหลือ๔๑. เมืองต่างๆของเผ่าเลวีที่อยู่ในอาณาเขตของชาวอิสราเอลมีทั้งหมด สี่สิบแปดเมืองกับทุ่งหญ้ารอบๆเมืองเหล่านั้น๔๒. แต่ละเมืองมีทุ่งหญ้าล้อมรอบ ทุกเมืองก็เป็นอย่างนี้๔๓. อย่างนี้ พระยาห์เวห์ได้มอบแผ่นดินทั้งหมดแก่ชาวอิสราเอล ซึ่งพระองค์ได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขาว่าจะยกให้กับพวกเขา และพวกเขาก็เข้าไปยึดครอง และตั้งรกรากกันที่นั่น๔๔. พระยาห์เวห์ได้ให้ความสงบสุขกับพวกเขาในทุกด้าน ตามที่พระองค์ให้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา ไม่มีศัตรูคนใดของพวกเขาที่สามารถยืนหยัดต่อสู้พวกเขาได้ เพราะพระยาห์เวห์ได้มอบศัตรูทั้งสิ้นของพวกเขาไว้ในกำมือของพวกเขาแล้ว๔๕. ในพวกคำสัญญาที่ดีๆที่พระยาห์เวห์ได้ให้กับครอบครัวอิสราเอล ไม่มีสักเรื่องที่ล้มเหลว ทุกเรื่องสำเร็จหมดโยชูวา ๒๒:๑-๓๔๑. จากนั้นโยชูวาก็ได้เรียกเผ่ารูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่ามาประชุม๒. และพูดกับพวกเขาว่า “พวกท่านทั้งหลายได้ทำตามที่โมเสสผู้รับใช้พระยาห์เวห์ได้สั่งพวกท่านไว้ และพวกท่านก็เชื่อฟังข้าพเจ้าในทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าพเจ้าได้สั่งพวกท่าน๓. พวกท่านไม่ได้ทอดทิ้งญาติพี่น้องของพวกท่านตลอดมาจนถึงวันนี้ แต่ท่านได้รักษาคำกำชับของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่านอย่างเคร่งครัด๔. บัดนี้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ให้พี่น้องของท่านอยู่อย่างสงบสุขแล้ว อย่างที่พระองค์ได้ให้สัญญาไว้กับพวกเขานั้น ดังนั้น ตอนนี้ พวกท่านกลับไปบ้านได้แล้ว ไปสู่แผ่นดินที่พวกท่านเป็นเจ้าของซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ได้มอบให้แก่พวกท่านที่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดนนั้น๕. แต่ขอให้ระวังที่จะทำตามคำสั่งและกฎที่โมเสสผู้รับใช้พระยาห์เวห์ได้มอบให้แก่พวกท่านไว้ คือ ให้รักพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน ให้เดินตามแนวทางทั้งหลายของพระองค์ ให้เชื่อฟังพวกคำสั่งของพระองค์ ให้ใกล้ชิดกับพระองค์ และให้รับใช้พระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน”๖. โยชูวาอวยพรให้กับพวกเขาและส่งพวกเขากลับบ้าน๗. (โมเสสได้มอบแผ่นดินในเมืองบาชานให้กับคนมนัสเสห์ครึ่งเผ่า ส่วนอีกครึ่งเผ่ารวมทั้งญาติพี่น้องชาวอิสราเอลของเขา โยชูวาได้มอบที่ดินบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนให้) เมื่อโยชูวาส่งพวกเขากลับบ้าน ก็ได้อวยพรให้กับพวกเขาด้วย๘. โยชูวาพูดว่า “ให้กลับไปที่บ้านของพวกท่านพร้อมความมั่งคั่ง มีสัตว์เลี้ยงมากมาย มีเงิน ทอง ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก และมีเสื้อผ้าเป็นจำนวนมาก ให้ไปแบ่งสิ่งต่างๆที่ยึดมาได้จากศัตรูของพวกท่านในสงครามให้กับพี่น้องของพวกท่านด้วย”๙. ดังนั้นคนรูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า จึงแยกจากชาวอิสราเอลที่เมืองชิโลห์ ในแผ่นดินคานาอัน เพื่อกลับไปยังแผ่นดินกิเลอาด ซึ่งเป็นแผ่นดินที่พวกเขายึดมาได้ ตามที่พระยาห์เวห์ได้สั่งผ่านทางโมเสส๑๐. เมื่อพวกเขามาถึงกิเลโลต ซึ่งอยู่ใกล้กับแม่น้ำจอร์แดน ในแผ่นดินคานาอัน ชาวรูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า ได้สร้างแท่นบูชาขึ้นแท่นหนึ่งใกล้กับแม่น้ำจอร์แดน ซึ่งเป็นแท่นบูชาขนาดใหญ่มาก๑๑. ชาวอิสราเอลที่เหลือได้ยินว่าคนรูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า ได้สร้างแท่นบูชาขึ้นที่พรมแดนของแผ่นดินคานาอัน ที่กิเลโลต ใกล้กับแม่น้ำจอร์แดนฝั่งที่เป็นของชาวอิสราเอล๑๒. ชุมชนทั้งหมดของอิสราเอลจึงยกกันมาที่ชิโลห์ เพื่อที่จะขึ้นไปสู้รบกับพวกนั้น๑๓. ชาวอิสราเอลส่งนักบวชฟีเนหัสลูกชายของเอเลอาซาร์ไปพบคนรูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่า ในแผ่นดินกิเลอาด๑๔. พร้อมกับส่งผู้นำอีกสิบคน จากแต่ละเผ่า คนเหล่านี้เป็นหัวหน้าของตระกูลต่างๆของอิสราเอลด้วย๑๕. เมื่อพวกเขาพบคนรูเบน กาด และมนัสเสห์ครึ่งเผ่าในแผ่นดินกิเลอาด พวกเขาพูดว่า๑๖. “ชุมชนทั้งหมดของพระยาห์เวห์ พูดอย่างนี้ว่า ‘พวกท่านไม่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้าของอิสราเอลอย่างนี้ได้ยังไง วันนี้ พวกท่านหันเหจากพระยาห์เวห์แล้วไปสร้างแท่นบูชาเพื่อกบฏต่อพระองค์อย่างนี้ได้ยังไง๑๗. บาปที่เมืองเปโอร์ยังไม่เพียงพอสำหรับพวกเราอีกหรือ จนถึงวันนี้ พวกเรายังไม่สามารถล้างบาปนั้นให้หมดจากตัวพวกเราได้ แม้ว่าจะมีโรคระบาดลงมาในที่ชุมชนของพระยาห์เวห์ก็ตาม๑๘. แล้วตอนนี้ พวกท่านยังจะหันเหไปจากพระยาห์เวห์อีกหรือยังไง ถ้าพวกท่านกบฏต่อพระยาห์เวห์ในวันนี้ พรุ่งนี้พระองค์จะโกรธชุมชนชาวอิสราเอลทั้งหมด๑๙. ถ้าแผ่นดินของพวกท่านเสื่อมไป ให้ข้ามมายังแผ่นดินของพระยาห์เวห์ที่เต็นท์ของพระยาห์เวห์ตั้งอยู่ และมาแบ่งปันแผ่นดินไปจากพวกเราเถิด อย่าได้เป็นกบฏต่อพระยาห์เวห์ หรือต่อพวกเรา โดยการสร้างแท่นบูชาอื่นสำหรับพวกท่านเอง นอกเหนือไปจากแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราเลย๒๐. ที่ความโกรธของพระยาห์เวห์ได้ตกอยู่กับชุมชนอิสราเอลทั้งหมด เป็นเพราะอาคานลูกชายของเศราห์ไม่สัตย์ซื่อในเรื่องของที่ต้องทำลายเพื่ออุทิศให้กับพระยาห์เวห์ ไม่ใช่หรือ ไม่ใช่เขาคนเดียวที่ต้องตายเพราะบาปของเขานะ’”๒๑. ดังนั้น ชาวรูเบน ชาวกาด และชาวมนัสเสห์ครึ่งเผ่าได้ตอบผู้นำตระกูลต่างๆของอิสราเอลว่า๒๒. “พระยาห์เวห์เป็นพระเหนือพระทั้งปวง พระยาห์เวห์เป็นพระเหนือพระทั้งปวง พระองค์รู้ว่าทำไมเราถึงทำอย่างนี้ และขอให้ชาวอิสราเอลเองได้รู้ด้วย ถ้าพวกเราเป็นกบฏหรือไม่สัตย์ซื่อต่อพระยาห์เวห์ ก็อย่าปล่อยพวกเราไว้เลยในวันนี้๒๓. ถ้าพวกเราสร้างแท่นบูชาสำหรับพวกเราเองเพื่อที่จะเลิกติดตามพระองค์ หรือเพื่อถวายเครื่องเผาบูชา หรือถวายเครื่องบูชาเมล็ดข้าว หรือถวายเครื่องสังสรรค์บูชาบนแท่นนั้น ก็ขอให้พระยาห์เวห์เองลงโทษพวกเรา๒๔. อันที่จริงที่พวกเราได้ทำสิ่งนี้ไป ก็เพราะเกรงว่า สักวันหนึ่งในอนาคต ลูกหลานของท่านจะถามลูกหลานของเราว่า ‘เจ้ามาเกี่ยวอะไรกับพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลด้วย๒๕. พระยาห์เวห์ได้สร้างแม่น้ำจอร์แดนให้เป็นพรมแดนระหว่างพวกเรากับพวกเจ้า ชาวรูเบน และชาวกาด พวกเจ้าไม่มีส่วนในพระยาห์เวห์ แล้วถ้าอย่างนั้นลูกหลานของพวกท่านอาจทำให้ลูกหลานของเราหยุดยำเกรงพระยาห์เวห์’๒๖. พวกเราก็เลยพูดกันว่า ให้พวกเราสร้างแท่นบูชาสำหรับพวกเราเองเถิด ไม่ใช่เพื่อถวายเครื่องเผาบูชาหรือถวายเครื่องบูชา๒๗. แต่เพื่อเป็นพยานระหว่างพวกท่านกับพวกเรา และระหว่างคนรุ่นต่อๆไป ว่าเราจะนมัสการพระยาห์เวห์ต่อหน้าพระองค์ ด้วยเครื่องเผาบูชา เครื่องบูชา และเครื่องสังสรรค์บูชา แล้วในอนาคต ลูกหลานของพวกท่านก็จะไม่พูดกับลูกหลานของพวกเราว่า ‘พวกท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในพระยาห์เวห์’๒๘. และพวกเราก็ได้พูดว่า ถ้าพวกเขาพูดอย่างนั้นกับเราหรือลูกหลานของเราในอนาคตแล้ว พวกเราก็จะตอบไปว่า ‘ดูแท่นบูชาจำลองของพระยาห์เวห์ที่บรรพบุรุษของพวกเราได้สร้างไว้สิ ไม่ใช่สร้างไว้สำหรับเครื่องเผาบูชาหรือถวายเครื่องบูชา แต่เพื่อเป็นพยานระหว่างพวกเรากับพวกท่าน’๒๙. พวกเราจะไม่มีวันกบฏต่อพระยาห์เวห์หรือหันเหไปจากการติดตามพระองค์ ด้วยการสร้างแท่นบูชาอื่น สำหรับเครื่องเผาบูชาหรือเครื่องบูชาเมล็ดข้าว หรือเครื่องบูชาอื่น นอกจากแท่นบูชาของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราที่อยู่หน้าเต็นท์ของพระองค์”๓๐. เมื่อนักบวชฟีเนหัส และพวกผู้นำชุมชน คือพวกหัวหน้าตระกูลต่างๆของอิสราเอล ที่อยู่กับเขา ได้ฟังคำพูดที่ชาวรูเบน ชาวกาด และมนัสเสห์พูดแล้ว ก็รู้สึกพอใจมาก๓๑. นักบวชฟีเนหัสลูกชายของเอเลอาซาร์จึงได้พูดกับชาวรูเบน ชาวกาด และชาวมนัสเสห์ว่า “ตอนนี้พวกเราได้รู้ว่าพระยาห์เวห์ยังอยู่ในท่ามกลางพวกเรา เพราะท่านไม่ได้กบฏต่อพระยาห์เวห์ในเรื่องนี้ ขณะนี้ พวกท่านได้ช่วยเหลือชาวอิสราเอลให้พ้นจากการลงโทษของพระยาห์เวห์”๓๒. แล้วนักบวชฟีเนหัสลูกชายเอเลอาซาร์ และพวกผู้นำ กลับออกมาจากชาวรูเบนและชาวกาดในแผ่นดินกิเลอาด กลับไปยังแผ่นดินคานาอันไปหาชาวอิสราเอลและแจ้งเรื่องต่างๆให้พวกเขารู้๓๓. เรื่องนั้นทำให้ชาวอิสราเอลดีใจ พวกเขาต่างสรรเสริญพระเจ้า และไม่พูดเรื่องการทำสงครามกับคนสองเผ่านั้น เพื่อที่จะทำลายล้างแผ่นดินที่ชาวรูเบนและชาวกาดอาศัยอยู่๓๔. ชาวรูเบนและชาวกาดได้เรียกแท่นบูชานั้นว่า “แท่นนี้เป็นพยานระหว่างเราว่า พระยาห์เวห์เป็นพระเจ้า”สดุดี ๔๖:๗-๑๑๗. พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นอยู่กับพวกเรา พระเจ้าแห่งยาโคบเป็นป้อมปราการของพวกเรา เซลาห์๘. มาเถิด มาดูให้เห็นกับตาตัวเองถึงสิ่งอัศจรรย์ต่างๆที่พระยาห์เวห์ทำ มาดูสิ่งต่างๆที่น่าเกรงขามที่พระองค์ทำในโลกนี้๙. พระเจ้าทำให้สงครามทั้งหลายที่เกิดขึ้นทั่วโลกสงบ พระองค์หักคันธนู ทำลายหอกทวนหักกระจุย และเผาโล่ ทิ้ง๑๐. พระองค์พูดว่า “หยุดรบกันซะ” และให้รู้ว่า เราคือพระเจ้า เราจะได้รับการยกย่องเหนือชนชาติทั้งหลาย และเราจะได้การยกย่องเหนือโลกนี้๑๑. พระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นอยู่กับพวกเรา พระเจ้าของยาโคบเป็นป้อมปราการของพวกเรา เซลาห์สุภาษิต ๑๔:๑๒-๑๓๑๒. มีทางหนึ่งซึ่งดูเหมือนถูกต้อง แต่สุดท้ายกลับนำไปสู่ความตาย๑๓. ถึงจะหัวเราะ จิตใจก็อาจจะปวดร้าว เมื่อความสนุกสนานจบลง ความโศกเศร้าก็ยังคงอยู่ลูกา ๑๓:๑-๒๒๑. ตอนนั้นมีบางคนมาเล่าให้พระเยซูฟังว่า มีชาวกาลิลีซึ่งถูกปีลาตฆ่าตาย ในขณะที่กำลังถวายเครื่องบูชาพระเจ้าอยู่๒. พระเยซูจึงตอบว่า “พวกคุณคิดว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นกับพวกเขา เพราะพวกเขาบาปหนากว่าชาวกาลิลีคนอื่นๆหรือ๓. เราจะบอกให้รู้ว่าไม่ใช่เลย แต่ถ้าพวกคุณไม่ยอมกลับตัวกลับใจ พวกคุณก็จะถูกทำลายเหมือนกัน๔. หรืออย่างคนสิบแปดคนที่ถูกหอคอยสิโลอัมพังลงมาทับตายนั้น คุณคิดว่า พวกเขาเป็นคนบาปหนากว่าคนทั้งหมดที่อยู่ในเมืองเยรูซาเล็มหรือ๕. ไม่ใช่เลย เราจะบอกให้รู้ว่า ถ้าคุณไม่กลับตัวกลับใจ พวกคุณทั้งหมดก็จะถูกทำลายเหมือนกับพวกเขาด้วย”๖. พระเยซูเล่าเรื่องเปรียบเทียบให้ฟังว่า “มีชายคนหนึ่งปลูกต้นมะเดื่อไว้ที่สวนของตน เขามาเฝ้าดูลูกของมัน แต่ก็ไม่เคยเจอเลย๗. ชายคนนั้นจึงพูดกับคนสวนว่า ‘ผมมาหาลูกมะเดื่อเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยเจอเลย โค่นทิ้งเถอะปลูกไว้ก็เปลืองเนื้อที่เปล่าๆ’๘. คนเฝ้าสวนตอบว่า ‘นายครับ ขอเวลาอีกปีเถอะ แล้วผมจะพรวนดินใส่ปุ๋ยให้มัน๙. แล้วถ้าปีหน้ามันออกลูกก็ดีไป แต่ถ้ายังไม่ออกลูกอีก ก็ค่อยโค่นมันทิ้ง’”๑๐. ในวันหยุดทางศาสนา พระเยซูกำลังสั่งสอนอยู่ในที่ประชุมชาวยิวแห่งหนึ่ง๑๑. ในที่นั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกผีชั่วเข้าสิงจนพิการมาเป็นเวลาสิบแปดปีแล้ว นางหลังค่อมและยืดตัวตรงไม่ได้เลย๑๒. เมื่อพระเยซูเห็นนาง ก็เรียกนางเข้ามาพบและพูดว่า “หญิงเอ๋ย เธอได้รับการปลดปล่อยจากโรคแล้ว”๑๓. พระองค์ก็วางมือลงบนตัวนาง หญิงคนนั้นก็ยืดตัวตรงขึ้นทันที และสรรเสริญพระเจ้า๑๔. แต่ผู้นำที่ประชุมชาวยิวโกรธมาก ที่พระเยซูรักษาโรคในวันหยุดทางศาสนา เขาจึงบอกกับประชาชนว่า “ในแต่ละอาทิตย์ มีเวลาทำงานตั้งหกวัน ให้ไปรักษากันในวันเหล่านั้น อย่ามารักษาในวันหยุด”๑๕. องค์เจ้าชีวิตจึงตอบเขาไปว่า “ไอ้พวกหน้าซื่อใจคด จริงๆแล้วในวันหยุดทางศาสนา พวกคุณแต่ละคนก็ได้แก้เชือกวัวหรือลา เพื่อจูงออกไปกินน้ำไม่ใช่หรือ๑๖. แล้วหญิงคนนี้ที่เป็นลูกหลานของอับราฮัม ถูกซาตานผูกมัดมาเป็นเวลาสิบแปดปีแล้ว มันไม่ถูกต้องหรือที่จะปลดปล่อยให้เธอเป็นอิสระในวันหยุดทางศาสนา”๑๗. เมื่อพระองค์พูดอย่างนี้ ก็ทำให้คนที่ต่อต้านพระองค์อับอายขายหน้า แต่คนอื่นๆก็ชื่นชมยินดีในสิ่งยอดเยี่ยมต่างๆที่พระองค์ทำ๑๘. พระเยซูพูดว่า “อาณาจักรของพระเจ้าเหมือนกับอะไร จะเปรียบเทียบกับอะไรดี๑๙. มันเปรียบเหมือนกับเมล็ดมัสตาร์ดที่มีคนนำไปปลูกไว้ในสวน เมื่อเมล็ดนั้นเติบโตขึ้นก็กลายเป็นต้นไม้ใหญ่ ที่มีนกมาทำรังตามกิ่งก้านของมันได้”๒๐. แล้วพระองค์ก็พูดอีกว่า “จะเปรียบอาณาจักรของพระเจ้ากับอะไรดี๒๑. มันก็เหมือน เชื้อฟูที่ผู้หญิงคนหนึ่งผสมลงไปในแป้งสามถัง แล้วมันทำให้แป้งทั้งก้อนฟูขึ้นมา”๒๒. พระองค์ก็สั่งสอนไปเรื่อยๆตามเมืองและหมู่บ้านต่างๆที่พระองค์ผ่านในระหว่างทางที่ไปเมืองเยรูซาเล็ม Thai Bible (ERV) 2001 Copyright © 2001 by Bible League International