พระคัมภีร์ในหนึ่งปี กันยายน ๑๐อิสยาห์ ๑๑:๑-๑๖๑. จะมีหน่อหนึ่ง แตกออกมาจากตอแห่งเจสซี จะมีกิ่งหนึ่งงอกออกมาจากรากทั้งหลายของเจสซี๒. พระวิญญาณของพระยาห์เวห์จะสถิตอยู่บนเขา เป็นวิญญาณแห่งสติปัญญาและความเข้าใจ เป็นวิญญาณแห่งการวางแผนและฤทธิ์อำนาจ เป็นวิญญาณแห่งความรู้และการยำเกรงพระยาห์เวห์๓. และเขาก็จะมีความสุขที่จะยำเกรงพระยาห์เวห์ เขาจะไม่พิพากษาอย่างชุ่ยๆตามที่ตาเขามองเห็น และเขาก็จะไม่ตัดสินตามข่าวลือที่เขาได้ยิน๔. แต่เขาจะพิพากษาคนจนอย่างยุติธรรม และเขาจะตัดสินคนที่ต่ำต้อยที่สุดในแผ่นดินอย่างเป็นธรรม เมื่อเขาออกคำสั่ง ชาวโลกก็จะถูกลงโทษ ด้วยคำพูดของเขา คนชั่วร้ายก็จะต้องถูกฆ่าตาย๕. ความดีจะเป็นเข็มขัดคาดรอบเอวของเขา ความยุติธรรมจะเป็นเข็มขัดคาดบั้นเอวของเขา๖. หมาป่าก็จะอยู่ด้วยกันกับลูกแกะ เสือดาวก็จะนอนอยู่ข้างๆลูกแพะ ลูกวัว สิงโต และวัวหนุ่มก็จะอยู่ด้วยกัน และจะมีเด็กเล็กๆคนหนึ่งคอยดูแลพวกมัน๗. วัวและหมีจะหากินอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข และลูกๆของพวกมันก็จะนอนอยู่ด้วยกัน และสิงโตก็จะกินฟางเหมือนวัว๘. เด็กทารกก็เล่นอยู่ที่ปากหลุมของงูเห่าได้ เด็กที่หย่านมแล้วก็เอามือแหย่เข้าไปในรังของงูพิษได้๙. พวกเขาจะไม่ทำร้ายหรือทำลายซึ่งกันและกันตลอดทั่วภูเขาอันศักดิ์สิทธิ์ของเรา เพราะทั้งโลกก็จะเต็มไปด้วยความรู้เรื่องของพระยาห์เวห์ เหมือนกับน้ำที่ปกคลุมอยู่ทั่วท้องทะเลนั้น๑๐. ในเวลานั้น รากของเจสซี ก็จะยืนขึ้นมาเหมือนธงให้กับชนชาติทั้งหลาย และชนชาติทั้งหลายก็จะมาปรึกษาเขา และที่อยู่ของเขาก็จะเต็มไปด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี๑๑. ในเวลานั้น องค์เจ้าชีวิตก็จะยกมือของพระองค์ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจะเอาคนของพระองค์ที่ยังเหลืออยู่คืนมาจากอัสซีเรีย จากอียิปต์ทางเหนือ จากอียิปต์ทางใต้ จากเอธิโอเปีย จากเอลาม จากบาบิโลน จากฮามัท และจากเกาะและชายฝั่งทะเล๑๒. พระองค์จะยกธงขึ้นให้กับชนชาติต่างๆ และพระองค์ก็จะรวบรวมคนที่ถูกขับไล่ออกไปจากอิสราเอลกลับมา และพระองค์ก็จะรวบรวมคนยูดาห์ที่เคยกระจัดกระจายไปนั้นจากทั่วทั้งสี่มุมโลก๑๓. เอฟราอิมก็จะเลิกอิจฉา และยูดาห์ก็จะเลิกทำตัวเป็นศัตรู เอฟราอิมก็จะไม่อิจฉายูดาห์ และยูดาห์ก็จะไม่เป็นศัตรูกับเอฟราอิม๑๔. แต่ทั้งอิสราเอลและยูดาห์ ก็จะโฉบเข้าโจมตีด้านหลังของคนฟีลิสเตีย ไปทางด้านตะวันตก และพวกเขาก็จะร่วมกันปล้นทรัพย์สมบัติของผู้คนทางตะวันออกด้วย รวมทั้งเมืองเอโดม และโมอับ ที่จะตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขา และคนอัมโมนก็จะเชื่อฟังพวกเขา๑๕. และพระยาห์เวห์ก็จะทำลายอ่าวของทะเลแห่งอียิปต์ให้สิ้นซากไป และพระองค์จะซัดมือของพระองค์เหนือแม่น้ำยูเฟรติส ด้วยลมแรง และพระองค์จะแบ่งแม่น้ำนั้นออกเป็นลำน้ำเล็กๆเจ็ดสาย แม้แต่คนที่สวมรองเท้าสานก็เดินข้ามไปได้๑๖. จะมีถนนทางหลวงจากอัสซีเรียให้คนที่เหลือของพระองค์ใช้กลับมา อย่างที่อิสราเอลมีตอนที่พวกเขาขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์อิสยาห์ ๑๒:๑-๖๑. ในเวลานั้นเจ้าจะพูดว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะขอบคุณพระองค์ ใช่แล้ว พระองค์โกรธข้าพเจ้าอยู่ ขอให้ความโกรธของพระองค์หันไปจากข้าพเจ้าด้วยเถิด ขอให้พระองค์ปลอบโยนข้าพเจ้าด้วยเถิด๒. ดูสิ พระเจ้าคือผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไว้วางใจในพระองค์และข้าพเจ้าจะไม่กลัว เพราะพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์นั่นแหละเป็นกำลังและที่ปกป้องของข้าพเจ้า และพระองค์ได้มาเป็นผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า”๓. พวกเจ้าจะตักน้ำอย่างมีความสุข จากพวกบ่อน้ำแห่งความรอด๔. และในตอนนั้น พวกเจ้าจะพูดว่า “ให้ขอบคุณพระยาห์เวห์กันเถิด ให้ร้องเรียกชื่อของพระองค์เถิด ให้ประกาศให้ชนชาติทั้งหลายรู้ถึงสิ่งต่างๆที่พระองค์ทำนั้น ให้ประกาศว่าพระองค์นั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน๕. ร้องเพลงสรรเสริญให้กับพระยาห์เวห์ เพราะพระองค์ได้ทำสิ่งต่างๆที่ยิ่งใหญ่ ให้สิ่งนี้เป็นที่รู้กันไปทั่วโลก๖. ชาวศิโยนเอ๋ย โห่ร้องและร้องเพลงด้วยความสุขเถิด เพราะองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอลนั้นยิ่งใหญ่ท่ามกลางพวกเจ้า”สดุดี ๑๐๖:๖-๑๘๖. พวกเราทำผิดบาปเหมือนกับบรรพบุรุษของเรา พวกเราทำผิดและทำตัวชั่วร้าย๗. พวกบรรพบุรุษของเราในอียิปต์ ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจากการอัศจรรย์ของพระองค์ พวกเขาไม่ได้คิดถึงสิ่งทั้งหลายที่พระองค์ได้ทำไปด้วยความรักที่มั่นคงของพระองค์ พวกเขากบฏต่อพระองค์ที่ทะเลแดง๘. แต่พระองค์ก็ยังช่วยเหลือพวกเขาเพื่อเห็นแก่หน้าของพระองค์เอง และเพื่อแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ของพระองค์๙. เมื่อพระองค์ตะโกนใส่ทะเลแดง ทะเลแดงก็เหือดแห้งไป และพระองค์ก็นำพวกเขาเดินผ่านทะเลลึกเหมือนเดินผ่านทะเลทราย๑๐. พระองค์ช่วยพวกเขาให้พ้นจากคนที่เกลียดชังพวกเขา พระองค์ไถ่พวกเขาให้เป็นอิสระจากศัตรูของพวกเขา๑๑. แล้วพระองค์ก็ทำให้น้ำกลบท่วมศัตรูของพวกเขา ไม่มีใครรอดสักคนเดียว๑๒. แล้วพวกเขาก็เชื่อในสิ่งทั้งหลายที่พระองค์สัญญา และร้องเพลงสรรเสริญพระองค์๑๓. แต่ไม่นานนักพวกเขาก็ลืมสิ่งทั้งหลายที่พระองค์ได้ทำให้กับพวกเขา และไม่ยอมคอยฟังว่าพระองค์จะให้พวกเขาทำอะไร๑๔. พวกเขาก็ใคร่อยากจะกินเนื้อจนตัวสั่นในทะเลทรายนั้น และท้าทายพระเจ้าในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งนั้น๑๕. ดังนั้นพระองค์จึงให้สิ่งที่พวกเขาร้องขอ แต่พระองค์ก็แถมโรคร้ายมาให้ด้วย๑๖. บางคนในค่ายพักอิจฉาริษยาโมเสส และอาโรนนักบวชผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระยาห์เวห์๑๗. ดังนั้นแผ่นดินได้แยกออกดูดกลืนดาธานลงไป และกลบพรรคพวกของอาบีรัม๑๘. มีไฟลุกลามใหญ่โตท่ามกลางพรรคพวกที่เหลือของเขา เปลวไฟได้เผาผลาญคนชั่วเหล่านั้นสุภาษิต ๒๕:๓-๕๓. จิตใจของพวกกษัตริย์ก็สุดที่จะหยั่งรู้ได้ เหมือนกับความสูงของสวรรค์และความลึกของโลกนี้๔. ให้ขจัดขี้เงินออกไปจากตัวเงิน และช่างเงินจะได้มีเงินบริสุทธิ์ไปทำภาชนะ๕. ให้ขจัดคนชั่วออกไปจากเบื้องหน้ากษัตริย์ แล้วความยุติธรรมจะทำให้บัลลังก์ของพระองค์มั่นคง๒ โครินธ์ ๒:๑-๑๗๑. ตอนนั้นผมก็เลยตัดสินใจไม่มาเยี่ยมพวกคุณ เพื่อจะได้ไม่มีเรื่องทุกข์ใจเกิดขึ้นอีก๒. เพราะ ถ้าผมทำให้คุณเป็นทุกข์ แล้วทีนี้ใครจะมาทำให้ผมมีความสุขได้อีก ถ้าไม่ใช่พวกคุณที่ผมทำให้ทุกข์ใจ๓. ผมถึงได้เขียนอย่างนั้นไปในฉบับก่อน เพื่อที่ว่าเมื่อผมมาเยี่ยม ผมจะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์จากคนที่น่าจะทำให้ผมมีความสุข เพราะผมเชื่อว่าเมื่อคุณเห็นผมมีความสุข คุณก็จะมีความสุขด้วย๔. ตอนที่ผมเขียนถึงคุณนั้น ผมรู้สึกหนักใจมาก ปวดร้าวใจมาก และเต็มไปด้วยน้ำตา ที่เขียนมานั้นไม่ใช่จะให้คุณทุกข์ใจ แต่อยากจะให้คุณรู้ว่าผมรักคุณขนาดไหน๕. ถ้ามีใครก่อให้เกิดความทุกข์ เขาไม่ได้ทำให้ผมเป็นทุกข์หรอกนะ แต่เขาได้ทำให้พวกคุณทั้งหมดเป็นทุกข์ไม่มากก็น้อย (ผมไม่อยากจะพูดให้มันเลวร้ายจนเกินไป)๖. ที่พวกคุณส่วนใหญ่ลงโทษเขานั้นก็เพียงพอแล้ว๗. ต่อไปก็ให้อภัยและให้กำลังใจเขาดีกว่า เพื่อเขาจะได้ไม่จมอยู่ในความทุกข์นั้น๘. ผมขอร้องให้คุณแสดงความรักต่อเขาอย่างชัดเจนด้วย๙. นั่นเป็นเหตุที่ผมเขียนมาถึงพวกคุณในตอนนั้น เพื่อทดสอบดูว่าคุณเชื่อฟังทุกเรื่องหรือเปล่า๑๐. ถ้าคุณอภัยให้ใคร ผมก็อภัยให้กับคนนั้นแล้วเหมือนกัน และสิ่งที่ผมอภัยให้นั้น (ถ้ามี) ผมก็ทำเพื่อพวกคุณต่อหน้าพระคริสต์๑๑. เราทำทั้งหมดนี้เพื่อจะได้ไม่ถูกซาตานหลอก เพราะเรารู้ทันกลอุบายต่างๆของมัน๑๒. ตอนที่ผมไปเมืองโตรอัส เพื่อประกาศข่าวดีของพระคริสต์ องค์เจ้าชีวิตได้เปิดโอกาสให้กับผม๑๓. แต่ผมไม่สบายใจเลย เพราะผมหาทิตัสน้องของผมไม่เจอ ผมจึงลาคนที่นั่น แล้วเดินทางต่อไปที่แคว้นมาซิโดเนีย๑๔. แต่ขอบคุณพระเจ้า เพราะในพระคริสต์นั้นเราเป็นเหมือนเชลยสงครามในขบวนแห่แห่งชัยชนะ ของพระองค์ที่พระองค์นำอยู่เสมอ พระองค์ใช้เราเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพระองค์ในทุกๆที่ เหมือนกับกลิ่นหอมที่กระจายไปทั่ว๑๕. เพราะเราคือกลิ่นธูปอันหอมหวนของพระคริสต์ที่ถวายต่อพระเจ้าท่ามกลางคนที่กำลังจะรอดและคนที่กำลังจะพินาศ๑๖. สำหรับคนที่กำลังจะพินาศกลิ่นนั้นก็จะเป็นกลิ่นเหม็น ที่มาจากความตายและนำไปสู่ความตาย แต่สำหรับคนที่กำลังจะรอด กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นหอมที่มาจากชีวิต และนำไปสู่ชีวิต ถ้าอย่างนั้นใครเล่าจะไปทำงานนี้ได้๑๗. เราไม่ใช่พ่อค้าเร่ที่หากินกับคำพูดของพระเจ้าเหมือนกับที่หลายคนทำกัน แต่เราเป็นคนของพระคริสต์ที่พูดความจริงต่อหน้าพระเจ้าด้วยความจริงใจ เราเป็นคนที่พระเจ้าเองส่งมา Thai Bible (ERV) 2001 Copyright © 2001 by Bible League International