พระคัมภีร์ในหนึ่งปี กันยายน ๙อิสยาห์ ๙:๑-๒๑๑. แต่จะไม่มีความเหน็ดเหนื่อยอีกต่อไป สำหรับคนเหล่านั้นที่ตั้งมั่นคงอยู่ในคำสอนนั้น ในอดีตนั้น พระองค์ทำให้ดินแดนของเศบูลุนและนัฟทาลีถูกดูหมิ่น แต่ในอนาคต พระองค์จะทำให้ดินแดนเหล่านั้นยิ่งใหญ่ คือดินแดนที่อยู่ใกล้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ดินแดนทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน และแคว้นกาลิลี อันเป็นที่อาศัยของคนต่างชาติ๒. คนที่เคยเดินอยู่ในความมืดได้เห็นความสว่างอันยิ่งใหญ่แล้ว คนเหล่านั้นที่เคยอยู่ในแผ่นดินที่มืดมน แสงสว่างก็ได้ส่องลงมายังพวกเขาแล้ว๓. พระองค์เจ้าข้า พระองค์ได้ทำให้ชนชาติทวีคูณ พระองค์ได้เพิ่มความสุขให้กับพวกเขา พวกเขาชื่นชมยินดีต่อหน้าพระองค์ อย่างกับความสุขที่คนมีกันในยามเก็บเกี่ยว อย่างกับความสุขที่คนมีกันตอนแบ่งของที่ยึดมาได้จากสงคราม๔. เพราะพระองค์ได้หักแอกที่เป็นภาระของพวกเขาทิ้ง และเอาคานที่พวกเขาแบกอยู่บนบ่าออกไป และเอาไม้ตะบองที่ศัตรูใช้ลงโทษพวกเขาไป อย่างกับตอนที่พระองค์รบชนะชาวมีเดียน๕. เพราะรองเท้าทหารทุกคู่ที่มุ่งหน้าสู่สนามรบอย่างกึกก้อง และเสื้อทหารทุกตัวที่เกลือกกลิ้งเลือดมา จะต้องถูกเผาทิ้ง เป็นเชื้อเพลิงสำหรับไฟ๖. เพราะมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา พระองค์ให้ลูกชายคนหนึ่งกับเรา และสิทธิอำนาจก็จะตกอยู่ที่บ่าของเด็กคนนี้ และเขามีชื่อว่า “ที่ปรึกษาอันมหัศจรรย์ นักรบที่ทรงพลังเหมือนพระเจ้า พระบิดาตลอดกาล เจ้าชายแห่งสันติสุข”๗. สิทธิอำนาจของพระองค์ จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และจะมีสันติสุขสำหรับบัลลังก์ของดาวิดและอาณาจักรของพระองค์อย่างไม่มีวันสิ้นสุด พระองค์จะก่อตั้งอาณาจักรของพระองค์ขึ้นและพยุงมันไว้ด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรมตั้งแต่เดี๋ยวนี้ไปจนตลอดกาล ความรักอันหวงแหนของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นจะทำให้สิ่งนี้สำเร็จ๘. พระยาห์เวห์ส่งข้อความที่ต่อว่ายาโคบ และมันตกอยู่บนอิสราเอล๙. ทุกคนรู้เรื่องนี้ ทั้งเอฟราอิมและคนที่อาศัยอยู่ในสะมาเรีย แต่คนพวกนั้นมีจิตใจที่เย่อหยิ่งจองหอง พวกเขาพูดว่า๑๐. “ถึงพวกอิฐนี้จะพังลงแล้ว แต่เราก็จะสร้างอาคารเหล่านี้ขึ้นมาใหม่ด้วยหินสกัด ถึงพวกคานไม้มะเดื่อจะถูกตัดเป็นชิ้นๆแล้ว แต่เราก็จะเอาไม้สนซีดาร์เข้าไปแทนที่พวกมัน”๑๑. พระยาห์เวห์ได้หนุนพวกข้าศึกขึ้นมาต่อสู้อิสราเอล พระองค์ได้ยุแหย่พวกศัตรูของเขา๑๒. มีคนอารามจากทางตะวันออกและคนฟีลิสเตียจากทางตะวันตก และพวกเขาก็ได้อ้าปากกว้างกลืนกินอิสราเอลเข้าไป ถึงจะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้แล้วก็ตาม พระองค์ก็ยังไม่หายโกรธอยู่ดี มือของพระองค์ก็ยังคงเงื้อขึ้นมาฟาดพวกเขา๑๓. ผู้คนก็ยังไม่ยอมหันกลับมาหาพระองค์ผู้ที่ตีสอนพวกเขา พวกเขาก็ยังไม่ยอมแสวงหาพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น๑๔. ดังนั้นพระยาห์เวห์จึงตัดหัวตัดหางของอิสราเอล ตัดทั้งกิ่งปาล์มและต้นกกในวันเดียวกัน๑๕. หัวในที่นี้ หมายถึงพวกผู้นำอาวุโสและพวกที่มีเกียรติ ส่วนหางในที่นี้หมายถึงพวกผู้พูดแทนพระเจ้าที่พูดโกหก๑๖. เพราะคนเหล่านั้นที่นำประชาชนพวกนี้ได้นำพวกเขาให้หลงทางไป คนที่ถูกนำไปนั้นก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย๑๗. เพราะอย่างนี้พระยาห์เวห์จึงไม่สงสารทหารหนุ่มของพวกเขา และไม่เมตตาพวกเด็กกำพร้าและพวกแม่ม่ายของพวกเขา เพราะประชาชนพวกนี้ทั้งหมดเป็นคนที่ไม่เคารพพระเจ้าและเป็นคนชั่วช้า และปากแต่ละคนก็พูดแต่เรื่องโง่ๆ ถึงจะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้แล้วก็ตาม พระองค์ก็ยังไม่หายโกรธอยู่ดี มือของพระองค์ก็ยังคงเงื้อขึ้นมาฟาดพวกเขา๑๘. เพราะความเลวทรามของพวกเขาเผาอยู่อย่างไฟ ตอนแรกมันก็เผาหญ้าและหนาม ต่อมาก็ลุกลามเผาพงไม้ใหญ่ในป่า และพวกมันทุกคนถูกเผากลายเป็นควันม้วนขึ้นไปในอากาศ๑๙. เพราะความโกรธของพระยาห์เวห์ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นทำให้แผ่นดินนั้นถูกเผาผลาญ และประชาชนก็กลายเป็นเชื้อเพลิงสำหรับไฟนั้นไม่มีใครพยายามช่วยชีวิตใครเลย๒๐. ประชาชนหันไปทางขวาและกินอย่างตะกละตะกลามแต่ก็ยังหิวอยู่ พวกเขาก็เลยหันไปทางซ้ายและเขมือบเข้าไปแต่ก็ยังไม่พอ แต่ละคนก็เลยหันไปกินเนื้อลูกหลานของตัวเอง๒๑. มนัสเสห์กัดกินเอฟราอิม เอฟราอิมก็กัดกินมนัสเสห์ และทั้งสองก็ไปต่อสู้กับยูดาห์ ถึงจะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้แล้วก็ตาม พระองค์ก็ยังไม่หายโกรธอยู่ดี มือของพระองค์ก็ยังคงเงื้อขึ้นมาฟาดพวกเขาอิสยาห์ ๑๐:๑-๓๔๑. เฮ้ย ไอ้พวกที่ออกกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ไอ้พวกที่เขียนกฎต่างๆที่กดขี่คนอื่น๒. เพื่อไม่ให้คนยากจนได้รับความยุติธรรม เพื่อปล้นเอาสิทธิของคนจนที่เป็นคนของเรา เพื่อจะได้ไปปล้นพวกแม่ม่าย และเพื่อพวกเด็กกำพร้าจะได้เป็นเหยื่อของพวกแก๓. พวกแกจะทำยังไงในวันลงโทษ ในวันที่ความหายนะมาจากที่ห่างไกล พวกแกจะวิ่งหนีไปให้ใครช่วย และจะเก็บทรัพย์สมบัติของพวกแกไว้ที่ไหน๔. พวกแกจะทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากหมอบลงในหมู่นักโทษ หรือล้มลงในหมู่คนที่ถูกฆ่าฟัน ถึงจะเกิดเรื่องทั้งหมดนี้แล้วก็ตาม พระองค์ก็ยังไม่หายโกรธอยู่ดี มือของพระองค์ก็ยังคงเงื้อขึ้นมาฟาดพวกเขา๕. พระยาห์เวห์พูดว่า “เฮ้ย ไอ้พวกอัสซีเรีย ซึ่งเป็นไม้ที่เราใช้ตีเมื่อเราโกรธ ที่ถือไม้กระบองแห่งความโกรธแค้นของเราอยู่ในมือ๖. เราได้ส่งอัสซีเรียไปต่อสู้กับชนชาติที่ไม่เคารพพระเจ้า และเราสั่งให้พวกเขาต่อสู้กับคนเหล่านั้นที่ทำให้เราโกรธ เพื่อจะริบเอาทรัพย์สมบัติของพวกนั้น และจะเหยียบย่ำพวกนั้นเหมือนโคลนตมบนถนนต่างๆ๗. แต่อัสซีเรียไม่รู้หรอกว่าเรากำลังใช้พวกเขาอยู่ ในใจของพวกเขาไม่ได้คิดอย่างนั้น ในใจพวกเขาคิดแต่จะทำลายล้าง และกำจัดชนชาติจำนวนมากให้สิ้นซากไป๘. เพราะอัสซีเรียพูดว่า ‘ผู้นำกองทัพของเราแต่ละคนก็มีอำนาจอย่างกับกษัตริย์ ไม่ใช่หรือ๙. เมืองคาลโนกลายเป็นเหมือนเมืองคารเคมิชไปแล้วไม่ใช่หรือ เมืองฮามัทกลายเป็นเหมือนเมืองอารปัดไปแล้วไม่ใช่หรือ เมืองสะมาเรียกลายเป็นเหมือนเมืองดามัสกัส ไปแล้วไม่ใช่หรือ๑๐. มือของเราได้ยึดอาณาจักรทั้งหลายที่มีรูปเคารพครอบครองอยู่ และรูปเคารพเหล่านั้นยังมีฤทธิ์อำนาจมากกว่าพวกรูปเคารพของเยรูซาเล็มและสะมาเรียเสียอีก๑๑. เราจะไม่จัดการกับเยรูซาเล็มและพวกรูปเคารพต่างๆของมัน เหมือนกับที่เราได้จัดการกับสะมาเรียและรูปเคารพต่างๆของมันหรือ’”๑๒. เมื่อองค์เจ้าชีวิตได้จัดการกับภูเขาศิโยนและเยรูซาเล็มเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระองค์ก็จะลงโทษกษัตริย์ของอัสซีเรีย ที่คุยโวโอ้อวดและมีสายตาที่หยิ่งผยอง๑๓. เพราะกษัตริย์ของอัสซีเรียพูดว่า “ข้าทำสิ่งนี้ได้ด้วยพละกำลังและสติปัญญาของข้าเอง เพราะข้ามีความเข้าใจ ข้าได้รื้อเขตแดนของชนชาติต่างๆออกไปและได้ปล้นเอาทรัพย์สมบัติของพวกเขามา ข้าเป็นเหมือนวัวตัวผู้ที่ได้ชนคนพวกนั้นที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ให้ล้มลง๑๔. ข้าใช้มือของข้าเองหยิบฉวยเอาทรัพย์สมบัติของชนชาติอื่นๆมา เหมือนคนที่หยิบไข่จากรังนก และข้าก็รวบรวมประเทศทั้งหลายทั่วโลกมา เหมือนรวบรวมไข่ที่ถูกทิ้งแล้ว ไม่มีแม่นกมากระพือปีกหรืออ้าปากร้อง”๑๕. แต่พระเจ้าตอบเขาไปว่า อ้าว ขวานจะอ้างว่าตัวมันเองยิ่งใหญ่กว่าคนที่ใช้มันฟันได้หรือ หรือเลื่อยจะอ้างว่ามันสำคัญกว่าคนที่ใช้มันเลื่อยได้หรือ หรือไม้พลองจะสามารถยกเจ้าของมันขึ้นมาได้หรือ หรือไม้ตะบองสามารถยกผู้นั้นที่ไม่ใช่ไม้ขึ้นมาได้หรือ๑๖. ดังนั้น พระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นผู้เป็นองค์เจ้าชีวิตจะส่งเชื้อโรคมาทำให้พวกทหารที่บึกบึนของอัสซีเรียซูบผอมไป พระองค์ก็จะก่อไฟเผาผลาญสิ่งทั้งหมดที่ทำให้อัสซีเรียยิ่งใหญ่๑๗. แสงสว่างของอิสราเอลจะกลายเป็นไฟ พระองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของอิสราเอลจะเป็นเปลวเพลิง พระองค์จะเผาผลาญและทำลายต้นหนามและหญ้าคาทั้งหลายหมดในวันเดียว๑๘. พระยาห์เวห์จะทำลายความสวยงามของผืนป่าและสวนของอัสซีเรียจนสิ้นซากไป และมันจะเป็นเหมือนกับคนป่วยที่ซูบผอมไป๑๙. จะมีต้นไม้เหลืออยู่น้อยมาก แม้แต่เด็กก็นับมันได้๒๐. ในวันนั้น คนที่ยังคงเหลืออยู่ในอิสราเอล คือผู้ที่รอดชีวิตจากครอบครัวของยาโคบจะไม่พึ่งกษัตริย์อัสซีเรียที่เคยทุบตีพวกเขา แต่พวกเขาจะพึ่งพระยาห์เวห์อย่างแท้จริง องค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสราเอล๒๑. จะมีไม่กี่คนกลับมา คือไม่กี่คนจากครอบครัวของยาโคบที่หันกลับมาหาพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์๒๒. คนอิสราเอลเอ๋ย ถึงแม้ว่าคนของเจ้าจะมีมากมายเหมือนกับทรายที่ชายหาด แต่จะมีเพียงไม่กี่คนในพวกนั้นที่กลับมา พระเจ้าได้ออกคำสั่งให้ทำลายชนชาตินี้ไปแล้ว การลงโทษอันยุติธรรมจะมาท่วมท้นเจ้า๒๓. เพราะพระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้ออกคำสั่งให้ความพินาศเกิดขึ้นกับแผ่นดินนี้ทั้งหมด และพระองค์จะทำตามนั้น๒๔. ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พระยาห์เวห์องค์เจ้าชีวิต ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นได้พูดไว้ “คนของเราที่อาศัยอยู่ในศิโยนเอ๋ย ไม่ต้องไปกลัวอัสซีเรีย พวกมันอาจจะตีเจ้าด้วยไม้พลองและยกไม้ตะบองขึ้นตีเจ้าเหมือนกับที่คนอียิปต์เคยทำ๒๕. แต่ในไม่ช้า ความโกรธของเราที่มีต่อเจ้าจะหมดลงและเราจะทำลายพวกมันด้วยความโกรธแค้นของเรา๒๖. และพระยาห์เวห์ ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้นก็จะเอาแส้ไปหวดพวกมัน เหมือนกับตอนที่พระองค์ทุบตีชาวมีเดียนที่หินของโอเรบ ไม้เท้าของพระยาห์เวห์จะยื่นออกไปต่อต้านพวกมัน พระองค์จะยกมันขึ้นมาเหมือนกับที่พระองค์เคยทำในอียิปต์๒๗. ในวันนั้นภาระของอัสซีเรียจะถูกยกออกไปจากบ่าเจ้า และแอกของมันที่อยู่บนคอเจ้าก็จะถูกทำลายไป”๒๘. กองทัพของผู้รุกรานได้บุกขึ้นมาถึงซากปรักหักพังที่อัยยาทแล้ว พวกเขาผ่านลานนวดข้าวที่มิโกรนมาแล้ว พวกเขาสะสมเสบียงไว้ที่มิคมาช๒๙. พวกเขาได้ข้ามแม่น้ำตรงทางข้ามมาบาราห์แล้ว พวกเขาพูดว่า “พวกเราจะตั้งค่ายค้างคืนที่เกบา” เมืองรามาห์ก็กลัวจนตัวสั่น ผู้คนที่กิเบอาห์ของซาอูลก็วิ่งหนีไปหมดแล้ว๓๐. นางสาวกัลลิม เอ๋ย ให้ร้องตะโกนออกมา ไลชาห์เอ๋ย ตั้งใจฟังให้ดี อานาโธทเอ๋ย ตอบเรามาสิ๓๑. ชาวเมืองมัดเมนาห์กำลังวิ่งหนีกัน ชาวเมืองเกบิมวิ่งหาที่หลบภัย๓๒. ในวันนี้เอง กองทัพผู้บุกรุกจะหยุดอยู่ที่โนบ พวกเขาจะชูกำปั้นขึ้นเตรียมรบกับภูเขาแห่งนางสาวศิโยน เตรียมเข้าประจัญบานกับเนินเขาของเยรูซาเล็ม๓๓. ดูสิ พระยาห์เวห์ องค์เจ้าชีวิต ผู้มีฤทธิ์ทั้งสิ้น กำลังจะตัดกิ่งไม้ใหญ่ด้วยกำลังอันน่าสะพรึงกลัวของพระองค์ พวกต้นที่อยู่สูงลิบลิ่วนั้น ก็จะถูกโค่นลง และพวกผู้สูงส่งจะถูกทลายลง๓๔. พระยาห์เวห์จะเอาขวานฟันป่าทึบลง และต้นไม้อันยิ่งใหญ่อลังการของเลบานอนก็จะถูกโค่นลงสดุดี ๑๐๖:๑-๕๑. สรรเสริญพระยาห์เวห์ ให้ขอบคุณพระยาห์เวห์เพราะพระองค์นั้นดี และความรักมั่นคงของพระองค์คงอยู่ตลอดไป๒. ใครจะบรรยายถึงการกระทำอันทรงฤทธิ์ทั้งหลายของพระยาห์เวห์ได้หมด ใครจะเล่าถึงการกระทำอันน่าสรรเสริญของพระองค์ได้หมด๓. ถือว่ามีเกียรติจริงๆคนเหล่านั้นที่รักษาความยุติธรรม และทำแต่สิ่งถูกต้องอยู่เสมอ๔. ข้าแต่พระยาห์เวห์ เมื่อพระองค์แสดงความเมตตากรุณาต่อคนของพระองค์ โปรดระลึกถึงข้าพเจ้าด้วย โปรดนับข้าพเจ้าเข้าไปกับหมู่คนที่พระองค์ช่วยให้รอดด้วย๕. ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนร่วมในพระพรต่างๆของคนที่พระองค์ได้เลือกไว้ และมีส่วนร่วมในความยินดีที่คนของพระองค์มี และร่วมสรรเสริญพระองค์กับคนเหล่านั้นที่เป็นสมบัติของพระองค์สุภาษิต ๒๕:๑-๒๑. ต่อไปนี้เป็นสุภาษิตของซาโลมอนเหมือนกันที่คนของกษัตริย์เฮเซคียาห์ของยูดาห์ ได้คัดลอกไว้๒. เราเคารพพระเจ้าสำหรับสิ่งที่พระองค์ปิดซ่อนไว้เป็นความลับ แต่เราเคารพพวกกษัตริย์สำหรับสิ่งที่พวกเขาค้นพบ๒ โครินธ์ ๑:๑-๒๔๑. จากเปาโลผู้ที่พระเจ้าเลือกให้เป็นศิษย์เอกของพระเยซูคริสต์ และจากทิโมธีน้องของเรา ถึงหมู่ประชุมของพระเจ้าในเมืองโครินธ์ รวมถึงคนที่เป็นของพระเจ้าทุกคนทั่วแคว้นอาคายา๒. ขอพระเจ้าพระบิดาของเราและพระเยซูคริสต์เจ้า ให้ความเมตตากรุณาและสันติสุขกับพวกคุณด้วยเถิด๓. สรรเสริญพระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา พระบิดาผู้เต็มไปด้วยความเมตตากรุณา พระเจ้าผู้ที่ปลอบโยนเราในทุกเรื่อง๔. เมื่อเรามีความทุกข์ พระองค์ปลอบโยนเรา เพื่อว่าเมื่อคนอื่นมีความทุกข์ เราจะได้ปลอบโยนเขาเหมือนกับที่พระเจ้าทำกับเรา๕. ยิ่งเราร่วมทุกข์กับพระคริสต์มากเท่าไร พระเจ้าก็จะปลอบโยนเรามากขึ้นเท่านั้น โดยผ่านทางพระคริสต์๖. ถ้าเราได้รับความทุกข์ทรมาน ก็เพื่อพวกคุณจะได้รับการปลอบโยนและได้รับความรอด ถ้าเราได้รับการปลอบโยน ก็เพื่อพวกคุณจะได้รับการปลอบโยนด้วย ซึ่งมีผลทำให้คุณมีความทรหดอดทนต่อความทุกข์แบบเดียวกับที่เราได้รับ๗. เรามีความมั่นใจในตัวพวกคุณมาก เพราะคุณได้ร่วมทุกข์และร่วมการปลอบโยนกับเรา๘. พี่น้องครับ เราอยากให้พวกคุณรู้ถึงความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสที่เราเจอในแคว้นเอเชีย ซึ่งหนักเกินกว่าที่เราจะทนได้ เราหมดหวังจนคิดว่าคงไม่รอดแล้ว๙. เราคิดอยู่ในใจเหมือนว่าเราถูกตัดสินให้ประหารชีวิตแล้ว แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นก็เพื่อเราจะได้ไม่พึ่งตนเอง แต่พึ่งพระเจ้าผู้ทำให้คนตายฟื้นขึ้นมา๑๐. พระเจ้าช่วยให้เราพ้นจากอันตรายอันใหญ่หลวงและพระองค์ก็จะช่วยชีวิตเราต่อไป เรามีความหวังในพระองค์ว่า พระองค์จะช่วยชีวิตเราต่อไปในอนาคต๑๑. พวกคุณก็ช่วยเราได้ด้วยการอธิษฐาน แล้วคนจำนวนมากก็จะขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ได้ช่วยชีวิตเรา ตามที่คุณอธิษฐานนั้น๑๒. เราภูมิใจที่ใจของเราบอกว่าทุกสิ่งที่เราทำในโลกนี้โดยเฉพาะสายสัมพันธ์กับพวกคุณนั้น เราได้ทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ และด้วยความจริงใจที่มาจากพระเจ้า เราทำสิ่งเหล่านี้ก็เพราะความเมตตากรุณาของพระเจ้า ไม่ได้ทำตามความเฉลียวฉลาดของโลกนี้๑๓. แน่นอน ทุกอย่างที่เขียนมานี้ เราไม่ได้ปิดบังอะไรเลย เป็นสิ่งที่คุณอ่านเข้าใจได้ทั้งนั้น และผมหวังว่าคุณจะเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง๑๔. เหมือนกับที่คุณเข้าใจเราอยู่บ้างแล้ว ดังนั้นในวันที่พระเยซูเจ้ากลับมาพวกคุณจะได้ภูมิใจในตัวเรา เหมือนกับที่เราภูมิใจในตัวคุณด้วย๑๕. ผมมั่นใจว่าคุณคิดอย่างนี้ ผมก็เลยตัดสินใจมาเยี่ยมคุณก่อน เพื่อคุณจะได้ประโยชน์สองต่อ๑๖. คือผมกะว่าจะมาแวะเยี่ยมคุณทั้งตอนขาไป และตอนขากลับจากแคว้นมาซิโดเนีย หลังจากนั้นคุณจะได้ช่วยสนับสนุนผมเดินทางต่อไปที่แคว้นยูเดีย๑๗. คุณคิดว่าตอนที่ผมวางแผนนี้ ผมรวนเรเอาแน่เอานอนไม่ได้หรือ ผมวางแผนอย่างที่คนในโลกนี้เขาทำกันหรือ ที่เดี๋ยวก็บอกว่า “ได้” เดี๋ยวก็บอกว่า “ไม่ได้”๑๘. พระเจ้านั้นซื่อสัตย์ พระองค์เป็นพยานให้กับเราได้ว่า สิ่งที่เราบอกกับคุณนั้นไม่เคย “ได้” และ “ไม่ได้” พร้อมๆกันเลย๑๙. เพราะพระบุตรของพระเจ้าคือพระเยซูคริสต์ที่สิลวานัส ทิโมธี และผมได้ประกาศไปท่ามกลางพวกคุณนั้นไม่ได้เป็นทั้ง “ได้” และ “ไม่ได้” ในเวลาเดียวกัน แต่ตรงกันข้าม ในพระองค์นั้นมีแต่คำว่า “ได้” เท่านั้น๒๐. เพราะไม่ว่าพระเจ้าจะสัญญาไว้มากมายขนาดไหนก็ตาม สัญญาก็ได้อย่างนั้นทุกข้อในพระคริสต์ เพราะอย่างนี้นี่เองเราถึงได้พูดคำว่า “อาเมน” ผ่านทางพระเยซูคริสต์ เพื่อพระเจ้าจะได้รับเกียรติยศ๒๑. พระเจ้านี่แหละทำให้ทั้งเราและคุณตั้งมั่นคงอยู่ในพระคริสต์และพระองค์ก็ได้เจิมเรา๒๒. พระองค์ได้ประทับตราว่าพระองค์เป็นเจ้าของเราด้วย และพระองค์ก็ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ อยู่ในใจเราไว้เป็นมัดจำงวดแรกของทุกสิ่งที่พระองค์สัญญาว่าจะให้กับเรา๒๓. พระเจ้าเป็นพยานได้ ที่ผมไม่แวะมาที่เมืองโครินธ์ตอนขากลับนั้น ก็เพราะไม่อยากจะมาลงโทษพวกคุณ๒๔. นี่ไม่ได้หมายความว่าเราอยากจะเป็นเจ้านายเหนือความเชื่อของคุณหรอก เพราะพวกคุณมีความเชื่อที่มั่นคงดีอยู่แล้ว แต่เราเป็นเพื่อนร่วมงานกับคุณเพื่อสร้างความสุขให้กับคุณ Thai Bible (ERV) 2001 Copyright © 2001 by Bible League International