พระคัมภีร์ในหนึ่งปี เมษายน ๑๗โยชูวา ๒๓:๑-๑๖๑. ต่อมาอีกนานเมื่อพระยาห์เวห์โปรดให้อิสราเอลพักสงบจากพวกศัตรูที่ล้อมรอบ และโยชูวามีอายุชราลงมาก๒. โยชูวาก็เรียกบรรดาคนอิสราเอล ทั้งพวกผู้ใหญ่ พวกผู้นำ ผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ แล้วกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า “ข้าพเจ้าแก่และมีอายุมากแล้ว๓. พวกท่านได้เห็นทุกสิ่งซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงทำต่อประชาชาติทั้งหมดเหล่านี้เพื่อเห็นแก่ท่าน เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงสู้รบเพื่อท่าน๔. ดูสิ ประชาชาติที่เหลืออยู่นั้น ข้าพเจ้าได้จับฉลากแบ่งให้เป็นมรดกแก่เผ่าต่างๆ ของพวกท่าน รวมทั้งประชาชาติทั้งหลาย ซึ่งข้าพเจ้าได้ทำลายเสีย ตั้งแต่แม่น้ำจอร์แดนจนถึงทะเลใหญ่ทางทิศตะวันตก๕. พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายจะทรงผลักดันพวกเขาออกไปให้พ้นหน้าท่าน และทรงขับไล่เขาออกไปให้พ้นสายตาของท่าน และท่านจะได้ยึดครองแผ่นดินของเขา ดังที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงสัญญาไว้ต่อท่าน๖. ดังนั้นจงรักษาและทำตามทุกสิ่งซึ่งเขียนไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติของโมเสสอย่างเข้มงวด อย่าเขวไปทางขวาหรือทางซ้าย๗. เพื่อท่านจะไม่สมาคมกับประชาชาติเหล่านี้ ซึ่งเหลืออยู่ท่ามกลางท่านหรือออกชื่อหรือสาบานในนามพระของพวกเขา หรือปรนนิบัติหรือกราบลงนมัสการพระเหล่านั้น๘. แต่พวกท่านจงยึดมั่นอยู่กับพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ดังที่ได้ทำอยู่จนถึงวันนี้๙. เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงขับไล่ประชาชาติที่ใหญ่โตและแข็งแรงออกไปให้พ้นหน้าท่าน ส่วนท่านเองก็ยังไม่มีใครต่อสู้ท่านได้จนถึงวันนี้๑๐. พวกท่านคนเดียวจะขับไล่พันคนให้หนีไป เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงสู้รบเพื่อท่าน ดังที่พระองค์ทรงสัญญาไว้๑๑. จงรักษาตัวให้ดีที่จะรักพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน๑๒. เพราะว่าถ้าท่านหันกลับและผูกพันกับประชาชาติเหล่านี้ที่เหลืออยู่ท่ามกลางพวกท่าน โดยแต่งงานกับพวกเขา คือท่านแต่งงานกับหญิงของเขา และเขาแต่งงานกับหญิงของท่าน๑๓. จงทราบแน่เถิดว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะไม่ทรงขับไล่ประชาชาติเหล่านี้ออกไปให้พ้นหน้าท่านอีก แต่พวกเขาจะเป็นบ่วงและเป็นกับดักท่าน เป็นหอกข้างแคร่ เป็นหนามทิ่มตาของท่าน จนกว่าท่านจะพินาศไปจากแผ่นดินที่ดีนี้ ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ประทานแก่ท่าน๑๔. “นี่แน่ะ ข้าพเจ้ากำลังจะตายแล้ว พวกท่านได้ทราบในจิตในใจของท่านแล้วว่าไม่มีสิ่งดีสักสิ่งเดียวซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านสัญญาเกี่ยวกับท่านแล้วล้มเหลวไป สำเร็จหมดทุกอย่าง ไม่มีสักอย่างเดียวที่ล้มเหลว๑๕. สิ่งดีทุกอย่างซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านสัญญาเกี่ยวกับท่านได้สำเร็จเพื่อท่านอย่างไร พระยาห์เวห์ก็จะทรงนำสิ่งที่ร้ายมาถึงท่านจนกว่าพระองค์จะทรงทำลายท่านเสียจากแผ่นดินอันดีนี้ ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่านเช่นเดียวกัน๑๖. ถ้าท่านทั้งหลายทำผิดพันธสัญญาแห่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งพระองค์ทรงบัญชาท่านไว้ และไปปรนนิบัติพระอื่น และกราบลงนมัสการพระเหล่านั้น แล้วพระพิโรธของพระยาห์เวห์จะพลุ่งขึ้นต่อท่าน แล้วท่านจะพินาศไปอย่างรวดเร็วจากแผ่นดินที่ดีซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ประทานแก่ท่าน”โยชูวา ๒๔:๑-๓๓๑. แล้วโยชูวาก็รวบรวมบรรดาเผ่าคนอิสราเอลมาที่เชเคม และเรียกพวกผู้ใหญ่ ผู้นำ ผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ของอิสราเอล พวกเขาก็มาปรากฏตัวเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า๒. แล้วโยชูวากล่าวกับประชาชนทั้งสิ้นว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘ในสมัยก่อน บรรพบุรุษของพวกเจ้าอยู่ฟากตะวันออกของแม่น้ำยูเฟรติส คือเท-ราห์ บิดาของอับราฮัมและของนาโฮร์ และพวกเขาปรนนิบัติพระอื่นๆ๓. แล้วเราได้นำบิดาของเจ้าคืออับราฮัม มาจากฟากตะวันออกของแม่น้ำยูเฟรติส และนำเขามาตลอดแผ่นดินคานาอัน ทำให้ลูกหลานของเขามีมากมาย เราให้อิสอัคแก่เขา๔. เราให้ยาโคบและเอซาวแก่อิสอัค และเราได้ให้แดนเทือกเขาเสอีร์แก่เอซาวเป็นกรรมสิทธิ์ แต่ยาโคบและลูกหลานของเขาได้ลงไปในอียิปต์๕. แล้วเราได้ส่งโมเสสกับอาโรนมา และเราได้ให้ภัยพิบัติเกิดแก่อียิปต์ด้วยสิ่งที่เราทำท่ามกลางแผ่นดินนั้น และภายหลังเราได้นำพวกเจ้าออกมา๖. แล้วเราก็นำบรรพบุรุษของเจ้าออกจากอียิปต์ และพวกเจ้ามาถึงทะเล ชาวอียิปต์ได้ไล่ตามบรรพบุรุษของเจ้าด้วยรถรบและพลม้ามาถึงทะเลแดง๗. และเมื่อพวกเขาร้องทูลพระยาห์เวห์ พระองค์ก็ทรงบันดาลให้ความมืดเกิดขึ้นระหว่างพวกเจ้าและชาวอียิปต์ และทำให้ทะเลท่วมมิดเขา นัยน์ตาของเจ้าได้เห็นสิ่งที่เราทำในอียิปต์ และพวกเจ้าก็ได้อยู่ในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลานาน๘. แล้วเราก็นำพวกเจ้ามาที่แผ่นดินของคนอาโมไรต์ ซึ่งอยู่ที่ฟากตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน พวกเขาสู้รบกับเจ้า และเราได้มอบเขาไว้ในมือของเจ้าและพวกเจ้ายึดครองแผ่นดินของเขา และเราก็ทำลายเขาให้พ้นหน้าเจ้า๙. คราวนั้นบาลาคบุตรศิปโปร์กษัตริย์แห่งโมอับได้ลุกขึ้นต่อสู้กับอิสราเอล เขาใช้ให้ไปเรียกบาลาอัมบุตรเบโอร์มาให้แช่งพวกเจ้า๑๐. แต่เราไม่ฟังบาลาอัม เพราะฉะนั้นเขาจึงอวยพรเจ้า ดังนั้นเราจึงช่วยเจ้าให้พ้นมือของเขา๑๑. และพวกเจ้าข้ามแม่น้ำจอร์แดน มาที่เมืองเยรีโค ชาวเมืองเยรีโคต่อสู้กับเจ้า รวมทั้งคนอาโมไรต์ คนเปริสซี คนคานาอัน คนฮิตไทต์ คนเกอร์กาชี คนฮีไวต์ และคนเยบุส แล้วเราได้มอบพวกเขาไว้ในมือของเจ้า๑๒. และเราได้ใช้ฝูงแตน ไปข้างหน้าเจ้า ซึ่งขับไล่กษัตริย์ทั้งสองของชาวอาโมไรต์ไปเสียต่อหน้าเจ้า ไม่ใช่ด้วยดาบหรือด้วยธนูของเจ้า๑๓. เราได้ยกแผ่นดินซึ่งเจ้าไม่ได้เหนื่อยกายบนนั้น และยกเมืองซึ่งเจ้าไม่ได้สร้างให้แก่เจ้า และพวกเจ้าได้เข้าอาศัยอยู่ในนั้น เจ้าได้กินผลของสวนองุ่นและสวนมะกอก ซึ่งเจ้าไม่ได้ปลูก’๑๔. “ฉะนั้น จงยำเกรงพระยาห์เวห์และปรนนิบัติพระองค์ด้วยความจริงใจและด้วยความซื่อสัตย์ จงทิ้งพระเหล่านั้นซึ่งบรรพบุรุษของท่านปรนนิบัติที่ฟากตะวันออกของแม่น้ำและในอียิปต์เสีย จงปรนนิบัติพระยาห์เวห์๑๕. และถ้าพวกท่านไม่เห็นด้วยที่จะปรนนิบัติพระยาห์เวห์ ท่านก็จงเลือกเสียในวันนี้ว่าท่านจะปรนนิบัติใคร จะปรนนิบัติบรรดาพระซึ่งบรรพบุรุษของท่านปรนนิบัติอยู่ในท้องถิ่นฟากตะวันออกของแม่น้ำ หรือบรรดาพระของคนอาโมไรต์ในแผ่นดินซึ่งท่านอาศัยอยู่ แต่ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า เราจะปรนนิบัติพระยาห์เวห์”๑๖. ประชาชนจึงตอบว่า “อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลยที่พวกเราจะละทิ้งพระยาห์เวห์ไปปรนนิบัติพระอื่น๑๗. เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราเป็นผู้ทรงนำเรากับปู่ย่าตายายของเราขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์ให้พ้นจากเรือนทาสนั้น และเป็นผู้ทรงทำหมายสำคัญยิ่งใหญ่ในสายตาของเรา และทรงคุ้มครองเราไว้ตลอดทางที่เราได้เดินไป และท่ามกลางชนชาติทั้งหลายซึ่งเราผ่านไป๑๘. และพระยาห์เวห์ทรงขับไล่ชนชาติเหล่านั้นทั้งหมดออกไปให้พ้นหน้าเราคือ คนอาโมไรต์ ซึ่งอยู่ในแผ่นดินนั้น เพราะฉะนั้นพวกเราจะปรนนิบัติพระยาห์เวห์ด้วย เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของเรา”๑๙. แต่โยชูวากล่าวแก่ประชาชนว่า “พวกท่านจะปรนนิบัติพระยาห์เวห์ไม่ได้ เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงหวงแหน พระองค์จะไม่ทรงอภัยความทรยศหรือบาปของท่าน๒๐. ถ้าท่านทั้งหลายละทิ้งพระยาห์เวห์ไปปรนนิบัติบรรดาพระต่างด้าว แล้วพระองค์จะทรงหันกลับและทำร้ายท่าน และผลาญท่านเสีย หลังจากที่พระองค์ได้ทรงทำดีต่อท่านมาแล้ว”๒๑. และประชาชนกล่าวแก่โยชูวาว่า “อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย เพราะพวกเราจะปรนนิบัติพระยาห์เวห์”๒๒. แล้วโยชูวากล่าวแก่ประชาชนว่า “พวกท่านเป็นพยานปรักปรำตนเองว่า ท่านได้เลือกพระยาห์เวห์ เพื่อปรนนิบัติพระองค์” และพวกเขากล่าวว่า “พวกเราเป็นพยาน”๒๓. ท่านจึงกล่าวว่า “เพราะฉะนั้นจงทิ้งบรรดาพระต่างด้าวซึ่งอยู่ในหมู่พวกท่านนั้นเสีย และน้อมจิตใจของท่านเข้าหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอล”๒๔. และประชาชนกล่าวแก่โยชูวาว่า “พวกเราจะปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา และเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์”๒๕. ดังนั้นโยชูวาจึงได้ทำพันธสัญญากับประชาชน และวางกฎเกณฑ์และกฎหมายให้แก่เขาในวันนั้นที่เมืองเชเคม๒๖. แล้วโยชูวาก็จารึกถ้อยคำเหล่านี้ไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติของพระเจ้า และท่านได้เอาก้อนหินใหญ่ตั้งไว้ที่นั่นใต้ต้นโอ๊ก ในสถานนมัสการของพระยาห์เวห์๒๗. แล้วโยชูวากล่าวแก่ประชาชนทั้งปวงว่า “นี่แน่ะ ศิลาก้อนนี้จะเป็นพยานปรักปรำพวกเรา เพราะศิลานี้ได้ยินพระวจนะทั้งสิ้นของพระยาห์เวห์ ซึ่งตรัสแก่เรา จึงจะเป็นพยานปรักปรำท่าน หากท่านปฏิเสธพระเจ้าของท่าน”๒๘. แล้วโยชูวาก็ปล่อยให้ประชาชนกลับไปยังที่มรดกของตนทุกคน๒๙. หลังจากเหตุการณ์เหล่านี้ โยชูวาบุตรนูนผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ก็สิ้นชีวิต เมื่ออายุ ๑๑๐ ปี๓๐. และเขาก็ฝังท่านไว้ในที่ดินมรดกของท่านที่เมืองทิมนาทเสราห์ ซึ่งอยู่ในแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิมทิศเหนือของยอดเขากาอัช๓๑. คนอิสราเอลได้ปรนนิบัติพระยาห์เวห์ตลอดสมัยของโยชูวา และตลอดสมัยของพวกผู้ใหญ่ผู้มีอายุยืนกว่าโยชูวา ผู้ได้ทราบถึงบรรดาพระราชกิจซึ่งพระยาห์เวห์ทรงกระทำเพื่ออิสราเอล๓๒. กระดูกของโยเซฟซึ่งประชาชนอิสราเอลนำขึ้นมาจากอียิปต์นั้น เขาฝังไว้ที่เมืองเชเคม ในส่วนที่ดินซึ่งยาโคบซื้อไว้จากบุตรหลานของฮาโมร์บิดาของเชเคมเป็นเงินหนึ่งร้อยแผ่น ที่นี้ตกเป็นมรดกของพงศ์พันธุ์โยเซฟ๓๓. แล้วเอเลอาซาร์บุตรของอาโรนก็สิ้นชีวิต และเขาฝังศพท่านไว้ที่กิเบอาห์ เมืองของฟีเนหัสบุตรของท่าน ซึ่งได้มอบไว้ให้เขาในแดนเทือกเขาเอฟราอิมสดุดี ๔๗:๑-๙๑. ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของตระกูลโคราห์ ชนชาติทั้งหลายเอ๋ย จงตบมือ จงโห่ร้องถวายแด่พระเจ้าด้วยเสียงยินดี๒. เพราะพระยาห์เวห์ผู้สูงสุดเป็นที่น่าคร้ามกลัว ทรงเป็นกษัตริย์ยิ่งใหญ่เหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น๓. พระองค์ทรงปราบปรามชนชาติทั้งหลายให้อยู่ภายใต้เรา และชาวประเทศทั้งหลายให้อยู่ใต้เท้าของเรา๔. พระองค์ทรงเลือกมรดก ของเราให้เรา เป็นสิ่งภูมิใจของยาโคบที่พระองค์ทรงรัก เส-ลาห์๕. พระเจ้าเสด็จขึ้นด้วยเสียงโห่ร้อง พระยาห์เวห์เสด็จขึ้นด้วยเสียงแตร๖. จงร้องเพลงสดุดีพระเจ้า จงร้องเพลงสดุดีเถิด จงร้องเพลงสดุดีกษัตริย์ของเรา จงร้องเพลงสดุดีเถิด๗. เพราะพระเจ้าทรงเป็นกษัตริย์แห่งแผ่นดินโลกทั้งสิ้น จงร้องเพลงสดุดีด้วยความเข้าใจ๘. พระเจ้าทรงครอบครองบรรดาประชาชาติ พระเจ้าประทับบนพระที่นั่งบริสุทธิ์ของพระองค์๙. บรรดาเจ้านายของชนชาติทั้งหลายประชุมกัน ในฐานะประชากรของพระเจ้าของอับราฮัม เพราะบรรดาโล่ของแผ่นดินโลกเป็นของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นที่ยกย่องอย่างสูงสุภาษิต ๑๔:๑๔-๑๔๑๔. คนเลว จะได้ผลตอบแทนจากทางของเขาอย่างสาสม และคนดีก็จะได้ผลตอบแทนจากการกระทำของตนลูกา ๑๓:๒๓-๓๕๒๓. มีคนหนึ่งมาทูลถามพระองค์ว่า “ท่านเจ้าข้า คนที่รอดนั้นมีจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นหรือ?” พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า๒๔. “จงเพียรพยายามเข้าไปทางประตูที่คับแคบ เราบอกท่านทั้งหลายว่า แม้คนจำนวนมากพยายามจะเข้าไป แต่จะเข้าไม่ได้๒๕. เมื่อเจ้าของบ้านลุกขึ้นปิดประตูแล้ว และพวกท่านยืนอยู่ภายนอกเคาะที่ประตูว่า ‘นายเจ้าข้า ช่วยเปิดให้เราด้วย’ แต่เจ้าของบ้านนั้นจะตอบท่านว่า ‘เราไม่รู้ว่าพวกเจ้ามาจากไหน’๒๖. แล้วท่านจะกล่าวว่า ‘เราเคยกินดื่มกับนาย และนายก็เคยสั่งสอนที่ถนนของเรา’๒๗. แต่เจ้าของบ้านนั้นจะกล่าวว่า ‘เราไม่รู้ว่าพวกเจ้าที่ทำความชั่วมาจากไหน จงไปให้พ้นหน้าเรา’๒๘. แล้วจะมีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในเวลาที่พวกท่านเห็นอับราฮัม อิสอัค ยาโคบ และบรรดาผู้เผยพระวจนะในแผ่นดินของพระเจ้า แต่ตัวพวกท่านเองก็จะถูกขับไล่ออกไปอยู่ข้างนอก๒๙. และจะมีคนจากทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ มานั่งร่วมโต๊ะในแผ่นดินของพระเจ้า๓๐. และแน่นอนว่า ผู้ที่เป็นคนสุดท้ายจะกลับกลายเป็นคนแรก และผู้ที่เป็นคนแรกจะกลับกลายเป็นคนสุดท้าย ”๓๑. ในเวลานั้นเอง มีพวกฟาริสีบางคนมาทูลพระองค์ว่า “ท่านจงไปจากที่นี่เถิด เพราะว่าเฮโรดต้องการจะฆ่าท่าน”๓๒. พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “จงไปบอกเจ้าหมาจิ้งจอกตัวนั้นว่า ‘จงฟังให้ดี เราขับผีและรักษาโรคในวันนี้และวันพรุ่งนี้ แล้วในวันที่สามเราก็จะเสร็จงาน’๓๓. แต่ว่าเราจำเป็นจะต้องเดินต่อไปในวันนี้ วันพรุ่งนี้ และวันมะรืนนี้ เพราะว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผู้เผยพระวจนะจะถูกฆ่านอกกรุงเยรูซาเล็ม๓๔. โอ เยรูซาเล็มๆ เมืองที่ฆ่าบรรดาผู้เผยพระวจนะและเอาหินขว้างพวกที่ทรงใช้มาหาถึงตาย บ่อยครั้งเราปรารถนาจะรวบรวมลูกๆ ของเจ้าไว้ เหมือนแม่ไก่ที่กกลูกอยู่ใต้ปีกของมัน แต่พวกเจ้าไม่ยอม๓๕. นี่แน่ะ นิเวศของพวกเจ้าจะถูกทอดทิ้ง เราบอกพวกเจ้าว่า เจ้าจะไม่เห็นเราจนกว่าพวกเจ้าจะกล่าวว่า ‘ขอให้ท่านผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงพระเจริญ’ ” Thai Bible (THS) 2011 เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฉบับมาตรฐาน