พระคัมภีร์ในหนึ่งปี กันยายน ๙อิสยาห์ ๙:๑-๒๑๑. อย่างไรก็ตามผู้ทุกข์ลำเค็ญจะไม่เศร้าหมองอีกต่อไป ในอดีตพระเจ้าทรงทำให้ดินแดนเศบูลุนและนัฟทาลีต่ำลง แต่ในอนาคตพระองค์จะทรงเชิดชูกาลิลีที่ชาวต่างชาติอาศัยอยู่ ซึ่งรวมทั้งเมืองริมทะเลเลียบแม่น้ำจอร์แดน๒. ประชากรผู้เดินอยู่ในความมืด ได้เห็นแสงสว่างอันยิ่งใหญ่ บรรดาผู้อาศัยในดินแดนแห่งเงาของความตาย แสงสว่างเริ่มสาดต้องพวกเขาแล้ว๓. พระเจ้าทรงขยายชนชาตินั้น และเพิ่มพูนความปีติยินดีของพวกเขา พวกเขาชื่นชมยินดีต่อหน้าพระองค์ เหมือนคนเริงรื่นชื่นบานยามเก็บเกี่ยว หรือยามแบ่งสมบัติที่ริบได้จากเชลย๔. เหมือนอย่างวันแห่งชัยชนะเหนือมีเดียน พระองค์จะทรงทำลาย แอกที่เป็นภาระของประชากรของพระองค์ คานที่พวกเขาต้องแบกหาม และไม้ตะบองของผู้ที่กดขี่ข่มเหงเขา๕. รองเท้าทุกคู่ของนักรบซึ่งใช้ในสงคราม และเสื้อผ้าทั้งหมดของพวกเขาที่โชกเลือด จะถูกเผาไฟ และใช้เป็นเชื้อเพลิง๖. ด้วยว่ามีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายคนหนึ่งที่ประทานแก่เรา และการปกครองจะอยู่บนบ่าของเขา และเขาจะได้รับการขนานนามว่า “ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ องค์สันติราช”๗. การปกครองอย่างสันติของบุคคลนั้น จะรุ่งเรืองขึ้นไม่สิ้นสุด พระองค์จะทรงครอบครองเหนือบัลลังก์ และอาณาจักรของดาวิด ทรงสถาปนาและผดุงอาณาจักรนั้นไว้ ด้วยความยุติธรรมและความชอบธรรม ตั้งแต่เวลานั้นตราบนิรันดร์ พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ทรงกระตือรือร้น ที่จะกระทำการนี้ให้สำเร็จ๘. องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงมีพระดำรัสเป็นคำพิพากษาเกี่ยวกับอิสราเอล พงศ์พันธุ์ของยาโคบว่า๙. ประชากรทั้งปวงจะรู้ถึงคำพิพากษา คือเอฟราอิมและชาวสะมาเรียทั้งหลาย ซึ่งกล่าวอย่างเย่อหยิ่ง และด้วยใจอหังการว่า๑๐. “อิฐทลายลงแล้วก็จริง แต่เราจะสร้างขึ้นใหม่ด้วยหินสกัด ต้นมะเดื่อทั้งหลายถูกโค่นลงไปแล้ว แต่เราจะแทนที่ด้วยไม้สนซีดาร์”๑๑. แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงเสริมกำลังศัตรูของ เรซีนขึ้นมาสู้กับพวกเขา และทรงกระตุ้นศัตรูของพวกเขา๑๒. ชาวอารัมจากตะวันออก และชาวฟีลิสเตียจากตะวันตก อ้าปากกว้างกลืนอิสราเอลเสีย ถึงขนาดนี้แล้วพระพิโรธของพระเจ้าก็ยังไม่หันเห พระองค์ยังคงเงื้อพระหัตถ์ค้างอยู่๑๓. แต่เหล่าประชากรก็ยังไม่ยอมหันกลับมาหาพระองค์ผู้ทรงลงโทษพวกเขา ทั้งไม่ยอมแสวงหาพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์๑๔. ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงตัดทั้งหัวและหางจากอิสราเอล ทั้งกิ่งอินทผลัมและต้นอ้อภายในวันเดียว๑๕. หัวคือผู้อาวุโสและคนใหญ่คนโต หางคือผู้เผยพระวจนะซึ่งสอนเท็จ๑๖. บรรดาผู้นำก็นำไปผิดทาง และบรรดาผู้ตามก็ถูกนำให้หลงเตลิด๑๗. ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าจะไม่ทรงชื่นชอบคนหนุ่ม ทั้งจะไม่ทรงเอ็นดูสงสารลูกกำพร้าพ่อกับหญิงม่าย เพราะทุกคนล้วนชั่วช้าอธรรม ทุกปากพูดชั่ว ถึงขนาดนี้แล้วพระพิโรธของพระเจ้าก็ยังไม่หันเห พระองค์ยังคงเงื้อพระหัตถ์ค้างอยู่๑๘. แน่ทีเดียวความชั่วลุกโพลงดั่งกองไฟ มันผลาญต้นหนามน้อยใหญ่ทั้งปวง ทำให้ทั้งป่าลุกไหม้ ส่งควันโขมง๑๙. พื้นแผ่นดินจะถูกเผาผลาญ โดยพระพิโรธของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ ประชากรจะเป็นเชื้อเพลิง ไม่มีใครละเว้นพี่น้องของตน๒๐. พวกเขาจะเขมือบทางขวา แต่ก็ยังหิวโหย กินไปทางซ้าย แต่ก็ยังไม่อิ่ม ต่างก็จะเลี้ยงชีวิตด้วยเนื้อลูกหลานของตนเอง๒๑. มนัสเสห์และเอฟราอิมจะกัดกินกันเอง และทั้งสองจะหันมาเล่นงานยูดาห์ ถึงขนาดนี้แล้วพระพิโรธของพระเจ้าก็ยังไม่หันเห พระองค์ยังคงเงื้อพระหัตถ์ค้างอยู่อิสยาห์ ๑๐:๑-๓๔๑. วิบัติแก่บรรดาผู้ออกบทบัญญัติอันไม่เป็นธรรม วิบัติแก่ผู้ที่ออกกฎหมายกดขี่ข่มเหง๒. เพื่อริดรอนสิทธิของผู้ยากไร้ และไม่ให้ความยุติธรรมแก่ประชากรผู้ถูกข่มเหงของเรา ทำให้หญิงม่ายตกเป็นเหยื่อของพวกเขา และลูกกำพร้าพ่อถูกปล้น๓. พวกเจ้าจะทำอย่างไรในวันลงทัณฑ์ เมื่อภัยพิบัติมาจากแดนไกล? เจ้าจะหนีไปพึ่งใคร? เจ้าจะเอาทรัพย์สมบัติไปเก็บไว้ที่ไหน?๔. จะไม่มีอะไรเหลือ นอกจากต้องไปคุดคู้อยู่ในหมู่เชลย หรือไม่ก็ล้มลงในหมู่คนที่ถูกฆ่าตาย ถึงขนาดนี้แล้วพระพิโรธของพระเจ้าก็ยังไม่หันเห พระองค์ยังคงเงื้อพระหัตถ์ค้างอยู่๕. “วิบัติแก่ชาวอัสซีเรีย ผู้เป็นไม้เรียวแห่งความโกรธของเรา ผู้ถือกระบองแห่งความกริ้วของเรา!๖. เราส่งอัสซีเรียไปปราบชนชาติอธรรม ไปเล่นงานชนชาติที่ยั่วโทสะเรา ให้ไปปล้นและริบทรัพย์สิน และเหยียบย่ำเขาดั่งย่ำโคลนในถนน๗. แต่เขาไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้น ไม่ได้คิดตามนั้น เป้าหมายของเขาคือล้างผลาญ ทำลายชนชาติต่างๆ ให้ดับสูญ๘. เขากล่าวว่า ‘แม่ทัพของเราล้วนแต่เป็นกษัตริย์ไม่ใช่หรือ?๙. คาลโนไม่ได้เหมือนคารเคมิชหรอกหรือ? ฮามัทก็เหมือนอารปัดไม่ใช่หรือ? และสะมาเรียก็เหมือนดามัสกัสไม่ใช่หรือ?๑๐. เช่นเดียวกับที่เรายึดบรรดาอาณาจักรที่เต็มไปด้วยรูปเคารพ อาณาจักรซึ่งมีรูปเคารพมากกว่าของเยรูซาเล็มและสะมาเรีย๑๑. เราจะไม่จัดการกับเยรูซาเล็มและรูปเคารพต่างๆ เหมือนที่เราทำกับสะมาเรียและรูปเคารพของพวกเขาหรือ?’”๑๒. เมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงจัดการกับภูเขาศิโยนและเยรูซาเล็มเรียบร้อยแล้ว พระองค์จะตรัสว่า “เราจะลงโทษกษัตริย์อัสซีเรียเพราะใจที่เย่อหยิ่งอหังการและท่าทีที่ยโสโอหังของเขา๑๓. เพราะเขาโอ้อวดว่า “ ‘เราทำการนี้ด้วยกำลังแห่งน้ำมือของเรา และด้วยสติปัญญาของเรา เพราะเรามีความเข้าใจ เรารื้อพรมแดนของประชาชาติต่างๆ ปล้นทรัพย์สมบัติของเขา เราปราบบรรดากษัตริย์ของพวกเขาเฉกเช่นผู้พิชิต๑๔. มือของเราฉกชิงทรัพย์สมบัติของประชาชาติต่างๆ เหมือนคนเอื้อมไปเก็บรังนก เรารวบรวมประเทศทั้งปวง เหมือนคนเก็บไข่ที่ถูกทิ้งไว้ ไม่มีหน้าไหนกล้าขยับปีก หรือปริปากร้อง’ ”๑๕. ขวานจะยกตนขึ้นข่มผู้ใช้มันหรือ? เลื่อยจะอวดเบ่งทับถมผู้เลื่อยหรือ? เฉกเช่นไม้ตะพดจะแกว่งใส่ผู้ใช้มันหรือ? หรือไม้กระบองกวัดแกว่งเข้าใส่ผู้ที่ถือมันหรือ?๑๖. ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ จะทรงส่งโรคระบาดมาล้างผลาญเหนือนักรบแข็งแกร่งของเขา จะมีไฟไหม้ลุกโชติช่วง ภายใต้ความจองหองพองขนของพวกเขา๑๗. พระผู้เป็นแสงสว่างแห่งอิสราเอลจะกลายเป็นไฟ องค์บริสุทธิ์ของพวกเขาจะเป็นเปลวเพลิง ซึ่งเผาผลาญต้นหนามน้อยใหญ่ของเขา วอดสิ้นภายในวันเดียว๑๘. ป่าอันมโหฬารและท้องทุ่งอันอุดมสมบูรณ์ของเขา จะถูกทำลายไปสิ้น เหมือนคนป่วยที่ชีวิตถูกกัดกร่อนไป๑๙. ต้นไม้ในป่าของเขาจะเหลืออยู่น้อยนิด ขนาดเด็กก็ยังเขียนตัวเลขจำนวนนั้นได้๒๐. ในวันนั้นชนหยิบมือที่เหลือของอิสราเอล คือวงศ์วานของยาโคบซึ่งรอดชีวิต จะไม่พึ่งผู้นั้นซึ่งปราบพวกตนลง แต่จะพึ่งพิงพระยาห์เวห์องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลอย่างแท้จริง๒๑. ชนหยิบมือที่เหลืออยู่จะกลับมา ชนหยิบมือที่เหลือของยาโคบจะกลับมาหาพระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์๒๒. โอ อิสราเอลเอ๋ย ถึงแม้ประชากรของเจ้าจะมากมายเหมือนทรายชายทะเล ก็จะมีคนเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นที่จะกลับมา หายนะครั้งนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว อย่างเหลือล้นและชอบธรรม๒๓. องค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์นี่แหละ จะใช้หายนะซึ่งกำหนดไว้แล้วลงทัณฑ์ดินแดนทั้งหมด๒๔. ฉะนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสว่า “ประชากรของเราในศิโยนเอ๋ย อย่ากลัวชาวอัสซีเรีย ซึ่งเอาไม้เรียวเฆี่ยนเจ้า เอาไม้กระบองฟาดเจ้าเหมือนที่อียิปต์ได้ทำ๒๕. โทสะของเราที่พลุ่งขึ้นต่อเจ้าจะยุติลงในไม่ช้านี้ และความโกรธของเราจะหันไปทำลายล้างพวกเขา”๒๖. พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์จะใช้แส้ฟาดพวกเขา เหมือนเมื่อทรงปราบชาวมีเดียนที่ศิลาแห่งโอเรบ จะทรงยกไม้เท้าขึ้นฟาดแม่น้ำทั้งหลาย เหมือนที่ทรงกระทำในอียิปต์๒๗. ในวันนั้นภาระที่พวกเขาวางไว้จะถูกยกออกจากบ่าของพวกเจ้า แอกของพวกเขาจะพ้นจากคอของพวกเจ้า แอกนั้นจะถูกหัก เพราะพวกเจ้าเติบโตขึ้นจนอ้วนพี๒๘. พวกเขาเข้ามาทางเมืองอัยยาท ผ่านมิโกรนและสะสมเสบียงและอาวุธที่มิคมาช๒๙. พวกเขาผ่านด่านมาและพูดกันว่า “เราจะตั้งค่ายพักแรมที่เกบา” รามาห์สะทกสะท้าน กิเบอาห์ของซาอูลเตลิดหนี๓๐. ร้องออกมาเถิด ธิดาแห่งกัลลิม เอ๋ย! ไลชาห์เอ๋ย จงฟังเถิด! อานาโธทที่น่าสงสารเอ๋ย!๓๑. มัดเมนาห์เตลิดหนี ชาวเกบิมหลบเข้าที่ซ่อน๓๒. ในวันนี้พวกเขาจะหยุดอยู่ที่โนบ จะชูหมัดหราบนภูเขาของธิดาแห่งศิโยน ที่ภูเขาแห่งเยรูซาเล็ม๓๓. ดูเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์ จะทรงโค่นกิ่งทั้งหลายด้วยฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ ต้นไม้สูงตระหง่านจะถูกโค่น ต้นที่สูงผงาดถูกโค่นราบ๓๔. พระองค์จะทรงใช้ขวานฟันป่าทึบ เลบานอนจะล้มลงต่อหน้าองค์ทรงฤทธิ์สดุดี ๑๐๖:๑-๕๑. จงสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า จงขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์ทรงแสนดี ความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงนิรันดร์๒. ผู้ใดจะสามารถประกาศพระราชกิจอันยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้า หรือเทิดทูนสรรเสริญพระองค์อย่างครบถ้วนได้?๓. ความสุขมีแก่บรรดาผู้ที่รักษาความยุติธรรม ผู้ที่ทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ๔. ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงระลึกถึงข้าพระองค์เมื่อพระองค์ทรงสำแดง ความโปรดปรานแก่ประชากรของพระองค์ ขอเสด็จมาช่วยข้าพระองค์เมื่อพระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้รอด๕. เพื่อข้าพระองค์จะร่วมชื่นบานกับความเจริญรุ่งเรืองของผู้ที่ทรงเลือกสรรไว้ เพื่อข้าพระองค์จะร่วมยินดีกับชนชาติของพระองค์ และร่วมสรรเสริญกับชนชาติซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์สุภาษิต ๒๕:๑-๒๑. ต่อไปนี้เป็นสุภาษิตของโซโลมอน ซึ่งคนของกษัตริย์เฮเซคียาห์แห่งยูดาห์คัดลอกและรวบรวมไว้๒. พระเจ้าทรงได้รับเกียรติจากการที่ทรงปิดบังสิ่งต่างๆ และเหล่ากษัตริย์ได้รับเกียรติจากการพินิจพิเคราะห์สิ่งต่างๆ๒ โครินธ์ ๑:๑-๒๔๑. จดหมายฉบับนี้จากข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นอัครทูตของพระเยซูคริสต์ตามพระประสงค์ของพระเจ้ากับทิโมธีน้องของเรา ถึงคริสตจักรของพระเจ้าที่เมืองโครินธ์และประชากรของพระเจ้าทุกคนทั่วแคว้นอาคายา๒. ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเราและจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้ามีแก่ท่านทั้งหลาย๓. สรรเสริญพระเจ้าและพระบิดาแห่งพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา พระบิดาแห่งความเมตตาเอ็นดู และพระเจ้าแห่งการปลอบประโลมใจทั้งปวง๔. ผู้ทรงปลอบประโลมใจเราในความทุกข์ร้อนทั้งสิ้นของเรา เพื่อเราจะสามารถปลอบประโลมใจบรรดาผู้ทุกข์ร้อนในเรื่องใดๆ ด้วยการปลอบประโลมใจซึ่งเราเองได้รับจากพระเจ้า๕. เพราะการทนทุกข์ของพระคริสต์หลั่งล้นเข้ามาในชีวิตของเราฉันใด การปลอบประโลมใจของเราก็ท่วมท้นโดยทางพระคริสต์ฉันนั้น๖. หากเราทนทุกข์ ก็เพื่อการปลอบประโลมใจและเพื่อความรอดของท่าน หากเราได้รับการปลอบประโลมใจ ก็เพื่อให้ท่านได้รับการปลอบประโลมใจ ซึ่งส่งผลให้ท่านมีความอดทนอดกลั้นในความทุกข์ยากเดียวกันกับที่เราทนทุกข์อยู่๗. และเราหวังใจมั่นคงในท่านเพราะรู้ว่าท่านร่วมในความทุกข์ยากกับเราฉันใด ท่านย่อมร่วมในการปลอบประโลมใจกับเราด้วยฉันนั้น๘. พี่น้องทั้งหลาย เราอยากให้ท่านทราบถึงความยากลำบากที่เราได้เผชิญในแคว้นเอเชีย เราถูกบีบคั้นหนักหน่วงสุดจะทานทนจนหมดหวังที่จะเอาชีวิตรอด๙. อันที่จริงเรารู้สึกในใจประหนึ่งว่าได้ถูกตัดสินประหารชีวิต แต่ที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อเราจะไม่พึ่งตัวเอง แต่พึ่งพระเจ้าผู้ทรงให้คนตายเป็นขึ้น๑๐. พระองค์ได้ทรงช่วยเราพ้นจากมรณภัยและจะทรงช่วยเราอีก เราตั้งความหวังในพระองค์ว่าจะทรงช่วยเราต่อไป๑๑. เช่นเดียวกับที่ท่านช่วยเราโดยคำอธิษฐานของท่าน แล้วคนมากมายก็จะขอบพระคุณพระเจ้าเนื่องจากเรา สำหรับความกรุณาที่ประทานแก่เราอันเป็นการตอบคำอธิษฐานของคนมากมาย๑๒. สิ่งที่เราโอ้อวดได้ คือจิตสำนึกของเรายืนยันว่าเราประพฤติตนในโลกโดยเฉพาะในความสัมพันธ์กับท่านด้วยความบริสุทธิ์และความจริงใจซึ่งมาจากพระเจ้า เราไม่ได้ประพฤติตามปัญญาฝ่ายโลก แต่ตามพระคุณของพระเจ้า๑๓. เพราะเราไม่ได้เขียนถึงท่านในสิ่งที่ท่านไม่สามารถอ่านหรือเข้าใจได้ และข้าพเจ้าหวังว่า๑๔. ในเมื่อท่านเข้าใจเราบางส่วนแล้ว ท่านจะได้เข้าใจโดยตลอดว่าท่านก็สามารถโอ้อวดเกี่ยวกับเราเหมือนที่เราจะโอ้อวดเกี่ยวกับท่านในวันแห่งองค์พระเยซูเจ้า๑๕. เนื่องจากข้าพเจ้ามั่นใจในเรื่องนี้ ข้าพเจ้าจึงวางแผนว่าจะมาเยี่ยมท่านก่อนเพื่อให้ท่านได้ประโยชน์สองต่อ๑๖. คือข้าพเจ้าได้วางแผนมาเยี่ยมพวกท่านเมื่อจะไปแคว้นมาซิโดเนีย และขากลับจากแคว้นมาซิโดเนียก็แวะมาเยี่ยมท่านอีก จากนั้นให้ท่านส่งข้าพเจ้าเดินทางไปยังแคว้นยูเดีย๑๗. เมื่อข้าพเจ้าได้วางแผนเช่นนี้ ข้าพเจ้าทำไปอย่างไม่จริงจังหรือ? ข้าพเจ้าวางแผนแบบชาวโลกที่พร้อมจะรับปากส่งๆ ไปว่า “มา” และ “ไม่มา” หรือ?๑๘. แต่พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อแน่นอนฉันใด คำของเราถึงท่านก็ไม่ใช่ “มา” และ “ไม่มา” ส่งๆ ไปแน่ฉันนั้น๑๙. เพราะพระบุตรของพระเจ้าคือพระเยซูคริสต์ซึ่งข้าพเจ้ากับสิลาส และทิโมธีประกาศแก่พวกท่านนั้นไม่ใช่ทั้ง “จริง” และ “ไม่จริง” ในเวลาเดียวกัน แต่ในพระองค์เป็น “จริง” เสมอ๒๐. เพราะไม่ว่าพระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้มากมายเท่าใด สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็น “จริง” ในพระคริสต์ ดัง นั้นโดยทางพระองค์เราจึงขานรับว่า “อาเมน” เพื่อเทิดพระเกียรติสิริของพระเจ้า๒๑. พระเจ้านี่แหละทรงให้ทั้งเราและท่านยืนหยัดมั่นคงในพระคริสต์ พระองค์ได้ทรงเจิมเรา๒๒. ทรงประทับตราแสดงความเป็นเจ้าของบนเรา และประทานพระวิญญาณของพระองค์ไว้ในใจเราเป็นมัดจำค้ำประกันในสิ่งที่จะมาถึง๒๓. ข้าพเจ้าขออ้างพระเจ้าให้ทรงเป็นพยานแก่ข้าพเจ้าว่า ที่ขากลับข้าพเจ้าไม่ได้มาเมืองโครินธ์ก็เพื่องดเว้นโทษพวกท่านไว้ก่อน๒๔. เราไม่ใช่นายควบคุมความเชื่อของท่าน แต่เราทำงานร่วมกับท่านเพื่อความชื่นชมยินดีของท่าน เพราะโดยความเชื่อท่านจึงยืนหยัดมั่นคง Thai Bible (TNCV) 2007 Thai New Contemporary Bible Copyright © 1999, 2001, 2007 by Biblica, Inc.®