|
| เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ประทานใจที่ขลาดกลัวแก่เรา แต่ประทานใจที่ประกอบด้วยฤทธานุภาพ ความรัก และการบังคับตนเองแก่เรา |
|
|
| จงฝึกทำดี จงเสาะหาความเป็นธรรม จงแก้ไขการบีบบังคับ จงแก้ต่างให้ลูกกำพร้าพ่อ จงสู้ความเพื่อหญิงม่าย” |
|
|
| และข้าพเจ้าได้ยินพระสุรเสียงขององค์เจ้านายตรัสว่า “เราจะใช้ผู้ใดไป? และผู้ใดจะไปแทนพวกเรา? ” แล้วข้าพเจ้าทูลว่า “ข้าพระองค์อยู่นี่ ขอทรงใช้ข้าพระองค์เถิด” |
|
|
| อาวุธทุกชนิดที่ทำขึ้นเพื่อต่อสู้เจ้าจะไม่ชนะ และเจ้าจะพิสูจน์ว่าลิ้นทุกลิ้นที่ลุกขึ้นต่อสู้เจ้าในการพิพากษานั้นชั่วร้าย นี่คือมรดกของบรรดาผู้รับใช้ของพระยาห์เวห์ และการให้ความยุติธรรมต่อพวกเขานั้นมาจากเรา” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ |
|
|
| ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการสละชีวิตเพื่อมิตรสหายของตน |
|
|
| เราสั่งเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าจงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่าครั่นคร้ามหรือตกใจเลย เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าสถิตกับเจ้าทุกแห่งที่เจ้าไป” |
|
|
| ส่องสว่างแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในความมืด และในเงาของความมรณา เพื่อจะนำเท้าของเราไปในทางสันติสุข” |
|
|
| นี่แน่ะ เราให้พวกท่านมีสิทธิอำนาจเหยียบงูร้ายและแมงป่อง และให้มีอำนาจยิ่งใหญ่กว่าฤทธานุภาพของศัตรูนั้น ไม่มีอะไรจะมาทำอันตรายพวกท่านได้เลย |
|
|
| เนื่องจากเขากับคนทั้งหลายที่อยู่ด้วยกันประหลาดใจเรื่องปลาที่เขาจับได้นั้น |
|
|
| เมื่อมีการปฏิบัติอย่างยุติธรรม คนชอบธรรมก็ยินดี แต่คนประพฤติชั่วหวาดผวา |
|
|
| จงช่วยคนที่ถูกนำไปสู่ความตาย และจงเหนี่ยวรั้งคนที่กำลังโซเซไปสู่การถูกฆ่า |
|
|
| เหล็กลับเหล็กให้คมได้ฉันใด คนหนึ่งก็ลับเพื่อนของตนให้เฉียบแหลมได้ฉันนั้น |
|
|
| ทุกๆ เช้า ข้าพระองค์จะทำลาย คนอธรรมทั้งสิ้นในแผ่นดิน จะตัดผู้ทำความชั่วทุกคน ออกจากนครของพระยาห์เวห์ |
|
|
| [๓] “จงให้ความยุติธรรมแก่คนอ่อนแอและเด็กกำพร้า จงปกป้องสิทธิของผู้ทุกข์ยากและผู้ขัดสน [๔] จงช่วยคนอ่อนแอและคนขัดสนให้พ้นภัย จงช่วยกู้พวกเขาให้พ้นจากมือของคนอธรรม” |
|
|
| [๑] จงเตือนพวกเขาให้อยู่ใต้สิทธิอำนาจของบรรดาผู้ปกครองบ้านเมืองและพวกที่มีอำนาจ ให้เชื่อฟังและพร้อมจะทำการดีทุกอย่าง [๒] อย่าว่าร้ายใคร อย่าทะเลาะวิวาท แต่ให้ผ่อนหนักผ่อนเบาและแสดงความสุภาพอ่อนโยนอย่างยิ่งต่อทุกคน |
|
|
| [๑๓] พวกท่านจงยอมเชื่อฟังผู้มีสิทธิอำนาจ เพราะเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นจักรพรรดิผู้มีอำนาจ [๑๔] หรือจะเป็นบรรดาผู้ว่าราชการเมืองที่จักรพรรดิส่งไปให้ลงโทษผู้ทำชั่วและยกย่องผู้ทำดี [๑๕] เพราะพระเจ้าทรงประสงค์จะให้พวกท่านระงับความโง่ของคนโฉดเขลาด้วยการทำดี [๑๖] จงดำเนินชีวิตอย่างคนมีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพนั้นเป็นข้ออ้างเพื่อทำความชั่ว แต่จงดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้า [๑๗] จงให้เกียรติทุกคน จงรักพวกพี่น้อง จงยำเกรงพระเจ้า จงถวายเกียรติแด่จักรพรรดิ |
|
|
| [๓๗] ข้าพระองค์ไล่ตามพวกศัตรูของข้าพระองค์ทัน และไม่หันกลับจนกว่าพวกเขาจะถูกผลาญเสียสิ้น [๓๘] ข้าพระองค์ได้แทงพวกเขาทะลุ เขาจึงไม่สามารถลุกขึ้นอีก เขาล้มลงที่ใต้เท้าของข้าพระองค์ [๓๙] เพราะพระองค์ประทานกำลังแก่ข้าพระองค์เพื่อทำสงคราม พระองค์ทรงทำให้บรรดาผู้ที่ลุกขึ้นสู้ข้าพระองค์สยบลงอย่างราบคาบ [๔๐] พระองค์ทรงทำให้บรรดาศัตรูของข้าพระองค์หันหลังให้ข้าพระองค์ และบรรดาผู้ที่เกลียดชังข้าพระองค์ ข้าพระองค์ก็ทำลายเสียสิ้น [๔๑] พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครช่วยให้รอดได้ เขาร้องทูลพระยาห์เวห์ แต่พระองค์มิได้ทรงตอบเขา [๔๒] ข้าพระองค์จึงทุบเขาแหลกละเอียดอย่างผงคลีต่อหน้าลม ข้าพระองค์จึงโยนเขาออกไปเหมือนโคลนตามถนน [๔๓] พระองค์ทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากการทะเลาะวิวาทกับประชาชน และทรงตั้งข้าพระองค์เป็นหัวหน้าของบรรดาประชาชาติ ชนชาติที่ข้าพระองค์ไม่เคยรู้จักก็ได้ปรนนิบัติข้าพระองค์ |
|
|
| [๑] ทุกคนจงยอมอยู่ใต้บังคับของผู้ที่มีอำนาจปกครอง เพราะว่าไม่มีอำนาจใดเลยที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า และผู้ที่ถืออำนาจนั้น พระเจ้าทรงแต่งตั้งขึ้น [๒] เพราะฉะนั้นผู้ที่ขัดขืนอำนาจนั้น ก็ขัดขืนผู้ซึ่งพระเจ้าทรงแต่งตั้งขึ้น และผู้ที่ขัดขืนนั้นจะต้องถูกลงโทษ [๓] เพราะว่าผู้ครอบครองนั้นไม่น่ากลัวเลยสำหรับคนที่ประพฤติดี แต่ว่าเป็นที่น่ากลัวสำหรับคนที่ประพฤติชั่ว ท่านไม่อยากจะกลัวผู้มีอำนาจหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็จงทำแต่ความดี แล้วท่านก็จะได้เป็นที่พอใจของผู้มีอำนาจนั้น [๔] เพราะว่าผู้ครอบครองนั้น เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าเพื่อให้ประโยชน์แก่ท่าน แต่ถ้าท่านทำความชั่วก็จงกลัวเถิด เพราะว่าผู้ครอบครองไม่ได้ถือดาบไว้เฉยๆ แต่เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า และจะเป็นผู้ลงโทษแทนพระเจ้าแก่ทุกคนที่ประพฤติชั่ว [๕] เพราะฉะนั้นท่านจะต้องเชื่อฟังผู้ครอบครอง ไม่ใช่เพื่อจะหลีกเลี่ยงการลงโทษอย่างเดียว แต่เพื่อมโนธรรมด้วย [๖] เพราะเหตุผลนี้ ท่านจึงได้เสียส่วยด้วย เพราะว่าผู้มีอำนาจนั้นเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า และปฏิบัติหน้าที่นี้อยู่ [๗] จงให้แก่ทุกคนที่ท่านต้องให้เขา คือ ส่วย แก่คนที่ท่านต้องเสียส่วยให้ ภาษี แก่คนที่ท่านต้องเสียภาษีให้ ความยำเกรง แก่คนที่ท่านต้องให้ความยำเกรง เกียรติ แก่คนที่ท่านต้องให้เกียรติ [๘] อย่าเป็นหนี้อะไรใครเลย นอกจากความรักซึ่งมีต่อกัน เพราะว่าผู้ที่รักคนอื่น ก็ได้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติครบถ้วนแล้ว [๙] ข้อที่ว่า “ห้ามล่วงประเวณีผัวเมียเขา ห้ามฆ่าคน ห้ามลักทรัพย์ ห้ามโลภ ” ทั้งพระบัญญัติอื่นๆ ก็รวมอยู่ในข้อนี้คือ “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” [๑๐] ความรักไม่ทำอันตรายต่อเพื่อนบ้านเลย เพราะฉะนั้นความรักจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ธรรมบัญญัติสำเร็จอย่างครบถ้วน [๑๑] นอกจากนั้นท่านควรจะรู้ว่านี่เป็นเวลาที่ควรตื่นจากหลับแล้ว เพราะว่าความรอดได้เข้ามาใกล้กว่าสมัยที่เราเริ่มเชื่อนั้น [๑๒] กลางคืนล่วงไปมากแล้ว และรุ่งเช้าก็ใกล้เข้ามา ให้เราเลิกบรรดากิจการแห่งความมืด และสวมเครื่องอาวุธแห่งความสว่าง [๑๓] ให้เราประพฤติตัวเรียบร้อยสมกับเวลากลางวัน ไม่ใช่เลี้ยงเสพสุราเมามาย ไม่ใช่หยาบโลนลามก ไม่ใช่วิวาทริษยากัน [๑๔] แต่ท่านทั้งหลายจงประดับกายด้วยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า และอย่าจัดเตรียมอะไรไว้เพื่อสนองตัณหาของเนื้อหนัง |
|
|
| [๑] คนอธรรมหนีเมื่อไม่มีใครไล่ตาม แต่คนชอบธรรมกล้าหาญอย่างสิงห์หนุ่ม [๒] เมื่อแผ่นดินเกิดจลาจล ก็มีผู้ครอบครองหลายคน แต่โดยอาศัยคนที่มีความเข้าใจและความรู้ แผ่นดินนั้นจะยืนยง [๓] คนยากจนที่ข่มเหงคนจน ก็เหมือนฝนที่ซัดลงมาทำลายพืชผล [๔] คนที่ทิ้งธรรมบัญญัติย่อมสรรเสริญคนอธรรม แต่คนที่รักษาธรรมบัญญัติย่อมต่อสู้พวกเขา [๕] คนชั่วไม่เข้าใจความยุติธรรม แต่คนที่แสวงหาพระยาห์เวห์จะเข้าใจถี่ถ้วน [๖] คนยากจนที่ดำเนินในความซื่อสัตย์ของเขา ก็ดีกว่าคนที่คดโกงในทางของตนแล้วมั่งคั่ง [๗] บุตรที่เฝ้ารักษาธรรมบัญญัติเป็นคนฉลาด แต่เพื่อนของคนตะกละทำให้บิดาของตนขายหน้า [๘] คนที่ทวีทรัพย์สมบัติของตนด้วยดอกเบี้ยและการขูดรีด ก็ได้รวบรวมทรัพย์นั้นไว้ให้ผู้ที่เมตตาคนจน [๙] ถ้าผู้ใดไม่ฟังธรรมบัญญัติ แม้คำอธิษฐานของเขาก็เป็นที่น่าสะอิดสะเอียน [๑๐] คนที่นำคนเที่ยงธรรมหลงเข้าไปในทางชั่ว ก็จะตกลงในหลุมของเขาเอง แต่คนดีพร้อมจะได้รับสิ่งดีเป็นมรดก [๑๑] คนมั่งคั่งก็มีปัญญาในสายตาของตนเอง แต่คนยากจนผู้มีความเข้าใจจะรู้จักเขาแจ่มแจ้ง [๑๒] เมื่อคนชอบธรรมชนะ ความรุ่งเรืองก็มีมากขึ้น แต่เมื่อคนอธรรมเรืองอำนาจ คนก็ซ่อนตัวเสีย [๑๓] ผู้ซ่อนการละเมิดของตนไว้จะไม่เจริญ แต่ผู้สารภาพและทิ้งมันจะได้ความกรุณา [๑๔] คนที่เกรงกลัวพระเจ้าอยู่เสมอก็เป็นสุข แต่คนที่ทำใจตนให้แข็งกระด้างจะตกในความยากลำบาก [๑๕] คนอธรรมที่ปกครองประชาชนผู้ยากจน ก็เหมือนสิงโตคำรามหรือหมีโถมใส่เหยื่อ [๑๖] เจ้านายที่ขาดความเข้าใจก็เป็นผู้บีบบังคับตัวฉกาจ แต่คนที่เกลียดสิ่งที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรมย่อมมีชีวิตยืนยาว [๑๗] คนที่มีความผิดในเรื่องฆาตกรรม จะหลบหนีไปจนตาย อย่าให้ใครช่วยเขาเลย [๑๘] คนที่ดำเนินชีวิตอย่างไร้ตำหนิจะได้รับการช่วยกู้ แต่คนคดโกงในทางของเขาจะล้มลงอย่างฉับพลัน [๑๙] คนที่ไถนาของตนจะมีอาหารบริบูรณ์ แต่คนที่ติดตามสิ่งไร้ค่าจะยิ่งยากจน [๒๐] คนซื่อสัตย์จะได้รับพระพรมากมาย แต่คนที่รีบเร่งรวยทางลัดจะถูกลงโทษ [๒๑] การลำเอียงนั้นไม่ดี คนอาจทำผิดเพราะอาหารชิ้นหนึ่งก็เป็นได้ [๒๒] คนตระหนี่เร่งหาทรัพย์สมบัติ และไม่ทราบว่าความขัดสนจะมาถึงเขา [๒๓] ผู้ที่ตักเตือนคนอื่น จะได้รับความโปรดปรานภายหลัง มากกว่าผู้ที่ใช้ลิ้นป้อยอ [๒๔] คนที่ขโมยของของบิดาหรือมารดาของตน และพูดว่า “อย่างนี้ไม่ผิด” เขาก็เป็นเพื่อนของนักทำลาย [๒๕] คนโลภเร้าให้เกิดการวิวาท แต่ผู้ที่วางใจในพระยาห์เวห์จะเจริญรุ่งเรือง [๒๖] คนที่เชื่อใจตัวเองเป็นคนโง่ แต่คนที่ดำเนินชีวิตอย่างมีปัญญาจะปลอดภัย [๒๗] ผู้ที่ให้แก่คนยากจนจะไม่ขัดสน แต่ผู้ที่เพิกเฉยจะถูกแช่งสาปมาก [๒๘] เมื่อคนอธรรมเรืองอำนาจ คนก็ซ่อนตัวเสีย แต่เมื่อเขาทั้งหลายพินาศไป คนชอบธรรมก็ทวีขึ้น |
|
|
| เมื่อคนที่มีกำลังถืออาวุธเฝ้าตึกของตนอยู่ สิ่งของของเขาก็ปลอดภัย |
|
|
| “คนที่สร้างสันติก็เป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาทั้งหลายว่าเป็นลูก |
|